บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.ว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มียอดหนี้ตั๋วแลกเงินทั้งหมด 770 ล้านบาท และมีการจ่ายชำระคืนหนี้ตั๋วแลกเงินมาจนถึงปัจจุบัน คิดเป็นจำนวน 400 ล้านบาท โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินหลักของบริษัท
ปัจจุบัน EFORL ยังคงมีภาระหนี้ตั๋วแลกเงินซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระอีก 4 ฉบับ รวมเป็นเงินจำนวน 370 ล้านบาท ซึ่ง EFORL ได้มีแผนการจ่ายหนี้ โดยมีการเจรจากับสถาบันการเงินหลัก และมีแหล่งเงินทุนในส่วนของการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการจ่ายชำระคืนตั๋วแลกเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดดังกล่าวแล้ว
ส่วนการที่บริษัทลูก คือ บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WCIH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด หรือ WCIG ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 จำนวน 150 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อ EFORL ที่เป็นบริษัทแม่แต่ประการใด เนื่องจากมีการบริหารการจัดการ และความเป็นหนี้แยกเป็นอิสระต่อกัน
อย่างไรก็ดีทาง WCIH ได้มีการแจ้งทางวาจา และส่งหนังสือขอเลื่อนการไถ่ถอนตั๋วแลกเงินฉบับดังกล่าว และตั๋วแลกเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระฉบับอื่นแล้วด้วย ตามหนังสือของ WCIH ชี้แจงขอเลื่อนการไถ่ถอนตั๋วแลกเงิน ฉบับลงวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยชี้แจงต่อ บลจ.โซลาริส เพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 425 ล้านบาท ซึ่งจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2 ของปี 2560 เนื่องจาก WCIH กำลังอยู่ในช่วงเวลาดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารองค์การในส่วนที่สำคัญ เพื่อให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 60 วัน โดยในระหว่างที่ยังไม่มีการจ่ายชำระคืนนั้น WCIH มีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดพร้อมกับมูลหนี้เมื่อมีการจ่ายชำระคืนตั๋วแลกเงินเท่านั้น
อนึ่ง เมื่อเดือนธันวาคม 2557 กรณี WCIH เข้าทำรายการลงทุนในกิจการของ วุฒิ-ศักดิ์ WCIH มีการกู้ยืมเงินเป็นหนี้ระยะยาวจากสถาบันการเงินในประเทศ จำนวน 2,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน WCIH มีหนี้คงค้างต่อสถาบันการเงินดังกล่าวเพียง 289 ล้านบาท
ซึ่งเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการจ่ายชำระหนี้ระยะยาวนั้น มาจากการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้นในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดตั๋วเงินระยะสั้นจะได้รับการต่ออายุตั๋วแลกเงิน และ/หรือสามารถทยอยชำระคืนได้เป็นปกติ หากแต่สภาพปัจจุบันระดับความน่าเชื่อถือในตลาดเงินของตราสารหนี้ระยะสั้นหรือตั๋วแลกเงินลดต่ำลง จึงไม่สามารถดำเนินการต่ออายุตั๋วแลกเงิน และ/หรือสามารถทยอยชำระคืนได้ตามสภาพปกติ ดังนั้น จึงส่งผลให้ WCIH ไม่สามารถชำระหนี้ตั๋วแลกเงินตามกำหนดได้
ทั้งนี้ หากพิจารณายอดหนี้ตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้นของ WCIH ซึ่ง ณ ปัจจุบันมียอดคงเหลือจำนวน 425 ล้านบาทนั้น เปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนของ WCIH จำนวน 1,425 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 29.82 จะเห็นได้ว่ายอดหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้นของ WCIH ที่ยังคงค้างนั้นเป็นสัดส่วนเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนของกิจการโดยรวม ซึ่งไม่เป็นที่น่ากังวลสำหรับการดำเนินงานเพื่อการชำระหนี้ดังกล่าวแต่อย่างใด
ปัจจุบัน EFORL ยังคงมีภาระหนี้ตั๋วแลกเงินซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระอีก 4 ฉบับ รวมเป็นเงินจำนวน 370 ล้านบาท ซึ่ง EFORL ได้มีแผนการจ่ายหนี้ โดยมีการเจรจากับสถาบันการเงินหลัก และมีแหล่งเงินทุนในส่วนของการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการจ่ายชำระคืนตั๋วแลกเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดดังกล่าวแล้ว
ส่วนการที่บริษัทลูก คือ บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WCIH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด หรือ WCIG ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 จำนวน 150 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อ EFORL ที่เป็นบริษัทแม่แต่ประการใด เนื่องจากมีการบริหารการจัดการ และความเป็นหนี้แยกเป็นอิสระต่อกัน
อย่างไรก็ดีทาง WCIH ได้มีการแจ้งทางวาจา และส่งหนังสือขอเลื่อนการไถ่ถอนตั๋วแลกเงินฉบับดังกล่าว และตั๋วแลกเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระฉบับอื่นแล้วด้วย ตามหนังสือของ WCIH ชี้แจงขอเลื่อนการไถ่ถอนตั๋วแลกเงิน ฉบับลงวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยชี้แจงต่อ บลจ.โซลาริส เพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 425 ล้านบาท ซึ่งจะชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2 ของปี 2560 เนื่องจาก WCIH กำลังอยู่ในช่วงเวลาดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารองค์การในส่วนที่สำคัญ เพื่อให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 60 วัน โดยในระหว่างที่ยังไม่มีการจ่ายชำระคืนนั้น WCIH มีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดพร้อมกับมูลหนี้เมื่อมีการจ่ายชำระคืนตั๋วแลกเงินเท่านั้น
อนึ่ง เมื่อเดือนธันวาคม 2557 กรณี WCIH เข้าทำรายการลงทุนในกิจการของ วุฒิ-ศักดิ์ WCIH มีการกู้ยืมเงินเป็นหนี้ระยะยาวจากสถาบันการเงินในประเทศ จำนวน 2,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน WCIH มีหนี้คงค้างต่อสถาบันการเงินดังกล่าวเพียง 289 ล้านบาท
ซึ่งเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการจ่ายชำระหนี้ระยะยาวนั้น มาจากการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้นในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดตั๋วเงินระยะสั้นจะได้รับการต่ออายุตั๋วแลกเงิน และ/หรือสามารถทยอยชำระคืนได้เป็นปกติ หากแต่สภาพปัจจุบันระดับความน่าเชื่อถือในตลาดเงินของตราสารหนี้ระยะสั้นหรือตั๋วแลกเงินลดต่ำลง จึงไม่สามารถดำเนินการต่ออายุตั๋วแลกเงิน และ/หรือสามารถทยอยชำระคืนได้ตามสภาพปกติ ดังนั้น จึงส่งผลให้ WCIH ไม่สามารถชำระหนี้ตั๋วแลกเงินตามกำหนดได้
ทั้งนี้ หากพิจารณายอดหนี้ตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้นของ WCIH ซึ่ง ณ ปัจจุบันมียอดคงเหลือจำนวน 425 ล้านบาทนั้น เปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนของ WCIH จำนวน 1,425 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 29.82 จะเห็นได้ว่ายอดหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้นของ WCIH ที่ยังคงค้างนั้นเป็นสัดส่วนเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนของกิจการโดยรวม ซึ่งไม่เป็นที่น่ากังวลสำหรับการดำเนินงานเพื่อการชำระหนี้ดังกล่าวแต่อย่างใด