“อัลติจูด” เผยแผนปั้นรายได้ 5 ปี เน้นพัฒนาคอนโด-บ้าน และโฮมออฟฟิศไฮเอนด์ จับลูกค้าตลาดบนกำลังซื้อสูง ระบุอัตราการปฏิเสธสินเชื่อต่ำ ชี้ตลาดแมสยังลำบากเหตุแนวโน้มหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 80% ต่อเนื่อง 5-7 ปี เป็นเหตุให้แบงก์เข้มปล่อยกู้ต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างยอดราย-รายได้โตต่อเนื่องวางเป้า 30-40% ต่อปีปูทางเข้าตลาด mai ในปี 62 เผยแผนปี 60 ผุด 4-5 โครงการใหม่ ตั้งเป้ารายได้ 1,400 ล้านบาท
นายชยพล หารรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในช่วงกลางปี 2562 โดยมีแผนจะเพิ่มพอร์ดสินค้าเพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมกับรักษาระดับอัตราการเติบโตของยอดขายและรายได้ไวที่ 30-40% ต่อปี ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่า จะมีรายได้ และยอดขายรวมที่ 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าที่มียอดขาย และรายได้รวม 1,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2561 ตั้งเป้าว่า จะมียอดขายรวมที่ 1,300-1,400 ล้านบาท และเติบโจเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท ในปี 2562
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในปี 2562 บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินธุรกิจ และนโยบายการลงทุนในช่วง 4-5 ปีจากนี้ จะเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเจาะกลุ่มตลาดไฮเอนด์ ทั้งแนวราบ และแนวสูง โดยจะยึดทำเลการลงทุนในรัศมี 500-1,200 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าในย่านกลางเมือง เพื่อพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศ และบ้านเดี่ยวระดับบน ขณะที่โครงการแนวสูงจะเลือกทำเลในพื้นที่ซีบีดี เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาดไม่เกิน 100-200 ยูนิต ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีมูลค่าโครงการไม่เกิน 700-1,000 ล้านบาท เพื่อให้มีรอบการขาย และรับรู้รายได้ที่สั้นลง
“ในการพัฒนาโครงการใหม่จะพัฒนาสินค้าในกลุ่มทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 14 ล้านบาทขึ้นไป โดยเน้นโครงการมีขนาดเล็กมูลค่าโครงการ 150-300 ล้านบาท เพื่อให้สามารถปิดการขายและรับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น ขณะที่คอนโดมิเนียมจะเน้นพัฒนาโครงการในย่าน CBD เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อต่ำ เนื่องจากแนวโน้มในช่วง 5-7 ปีจากนี้ แนวโน้มอัตราหนี้ครัวเรือนจะยังคงอยู่ในระดับ 80% ของจีดีพี ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินจะยังเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยราย่อย บริษัทจึงโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เพราะกลุ่มดังกล่าวมีอัตรารีเจกต์เรตต่ำที่ 10% เท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านระดับ 14 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนใจจะใช้เงินกู้เพียง 20% ของราคาบ้านเท่านั้น ทำให้อัตรารีเจกต์เรตยิ่งต่ำ”
โดยในปีนี้มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 4-5 โครงการ ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการแนวราบโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 5 ห้องนอน พร้อมที่จอดรถ 3 คัน ราคาเริ่มต้น 28.7 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิตบนพื้นที่ 1-2-0 ไร่ มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท 2.โครงการ อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น ราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิต มูลค่ารวม 180 ล้านบาท และ 3.โครงการอัลติจูด พรูฟ พระราม 9 โฮมออฟฟิศ 3 ชั้น และ 4 ชั้นครึ่ง ราคาเริ่มต้น 14.7 ล้านบาท จำนวน 16 ยูนิต มูลค่า 280 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในแบรนด์ อัลติจูดมาสเตอรี่ 1 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น แบรนด์ อัลติจูดคอนโด จำนวน 150 ยูนิต ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท