ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ รุกขยายตลาด หวังดันรายได้ทุกกลุ่มธุรกิจพุ่ง หนุนเป้าหมายรายได้รวมปีนี้โตแรง 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เร่งดันยอดขายสินค้าแบรนด์ “Onetouch” ทั้งในไทย และต่างประเทศ ส่วนกลุ่มธุรกิจ OEM เดินหน้าเพิ่มยอดขายในทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกา ที่มีศักยภาพเติบโตดี ด้านกลุ่มธุรกิจประมูลงานเติบโตได้ดีในปีนี้ หลังตุนออเดอร์กว่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย และรายใหญ่ของโลก รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ “Onetouch” เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนธุรกิจในปี 2560 ที่จะรุกขยายตลาดถุงยางอนามัย และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในไทย และต่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยจะเร่งผลักดันรายได้เติบโตในทุกๆ กลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจถุงยางอนามัยแบรนด์สินค้า Onetouch กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการผลักดันรายได้รวมเติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 1,200 ล้านบาท และก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดถุงยางอนามัยของโลก
สำหรับแผนการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจถุงยางอนามัยแบรนด์สินค้า Onetouch นั้น บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายในไทย และต่างประเทศในปีนี้ เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 90 ล้านบาท โดยในไทยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 25% โดยจะเน้นการเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัย Onetouch รุ่น Happy และรุ่น 003 ที่มีความบางเพียง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรุ่นใหม่ที่มีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิตได้
ส่วนในตลาดต่างประเทศจะมุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ขยายตลาดในทวีปเอเชีย รวมถึงเพิ่มยอดขายในประเทศลัตเวีย และอียิปต์ โดยจะร่วมกับผู้แทนจำหน่ายในแต่ละประเทศในการผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น
ขณะที่กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต หรือ OEM บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 900 ล้านบาท โดยจะเน้นขยายตลาดในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีจำนวนประชากรรวมกันมากกว่า 4,200 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของประชากรทั่วโลก ซึ่งมีเป้าหมายต้องการมุ่งขยายตลาดในประเทศจีน ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ส่วนในทวีปแอฟริกา ถือเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น บริษัทฯ จะร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงจะรุกหนักในการขยายตลาด OEM ในทวีปอเมริกา โดยจะเจรจาเพิ่มคู่ค้ารายใหม่ในการขยายตลาดร่วมกัน
ด้านธุรกิจรับจ้างประมูล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด 50% จากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 170 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้รับสัญญาว่าจ้างผลิตถุงยางอนามัยจากองค์กร NGOs ของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มทยอยผลิต และส่งมอบสินค้าเพื่อรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1 นี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปี 2560 และ TNR จะเข้าร่วมแข่งขันงานประมูลเพิ่มขึ้นเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
“ปีนี้จะเห็น TNR รุกหนักมากขึ้นเพื่อขยายตลาดทุกกลุ่มธุรกิจ และผลักดันรายได้รวมเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตลาดในประเทศไทย และทวีปเอเชีย จะเน้นการเพิ่มยอดขายแบรนด์ Onetouch ซึ่งใช้สินค้ารุ่น 003 และรุ่น Happy เป็นเรือธง ส่วนตลาดต่างประเทศจะเน้นการเพิ่มยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ OEM และกลุ่มธุรกิจการประมูล โดยในปีนี้เราคาดหวังจะเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าอยู่ที่ 70% ของกำลังการผลิตรวม 1,959 ล้านชิ้นต่อปี” นายอมร กล่าว