บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชิงโอกาสก่อนผังเมือง จ.นนทบุรีประกาศใช้กลางปีหน้า ยื่นขอก่อสร้างอาคารสูงเพียบ ลดความเสี่ยงเรื่องข้อกำหนดผังใหม่ทั้งความกว้างถนนในซอย ที่จอดรถ และ FAR ที่เปลี่ยนไป “สุรเชษฐ กองชีพ” ระบุตลาดอสังหาฯ แข่งดุเดือด ชี้ฐานรายได้ครัวเรือน 4-5 หมื่นบาทลงมา มีภาระหนี้เยอะ กระทบความสามารถซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่เอกชนปรับตัว หันจับตลาดระดับกลางขึ้นบน ด้าน “นายสุธาทร สุทธิสนธิ์” แตกบริษัท 2 ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ด้วยความเจริญเติบโตของที่อยู่อาศัยในจังหวัดนนทบุรี โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียม และมีการคาดการณ์มีการขออนุมัติก่อสร้างอาคารสูงในจังหวัดนนทบุรี มากกว่า 10 โครงการ ทำให้ทางจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี มีความห่วงใยต่อการขยายตัวของเมืองที่มาก และรวดเร็วเกินไป ดังนั้น ทางผู้ว่าฯ จึงได้กำชับไปยังท้องถิ่นต่างๆ ในการดูแลเรื่องคุณภาพของโครงการ การกำหนดมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ดีในจังหวัด
“เท่าที่ทราบ ผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญในเรื่องการอยู่อาศัย และมาตรฐานของโครงการ รวมถึงเรื่องที่จอดรถ เพราะเท่าที่ทราบ การจราจรในจังหวัดนนทบุรี มีปริมาณสูงมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อคุณภาพของประชาชน ขณะเดียวกัน เรื่องผังเมืองใหม่ที่คาดว่าจะใช้ในปีหน้า และมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะอาคารสูง ได้ยื่นขออนุญาติก่อสร้างไว้ก่อน เพื่อชิงโอกาสก่อนผังเมืองใหม่จะประกาศใช้”
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ นนทบุรี กล่าวถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน จ.นนทบุรีว่า ปัจจุบัน สินค้า (ซัปพลาย) โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพื้นที่ประมาณ 10,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าขาย 20,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อหน่วย 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายังเป็นระดับที่สูง คาดต้องใช้เวลาในการดูดซับ 2-3 ปี เนื่องจากด้วยปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ และธนาคารพาณิชย์พิจารณาเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งแม้ในช่วงการขายจะสามารถทำได้ 80% แต่ช่วงการโอนตัวเลขลดลงเหลือเพียง 50%
สำหรับความเห็นในเรื่องของผังเมืองจังหวัดนนทบุรีนั้น นายเลิศมงคล กล่าวว่า ผังเมืองใหม่ คาดว่าจะประกาศใช้กลางปี 2561 ซึ่งมีหลายประเด็นที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความกว้างถนนในซอยจากเดิม 6 เมตร สามารถสร้างอาคารสูง 8 ชั้น ขยับเป็นความกว้าง 8 เมตร การกำหนดอัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio หรือ FAR) เดิมอยู่ที่ 10 ต่อ 1 แต่ผังใหม่จะปรับเปลี่ยนตามสี เช่น พื้นที่สีเขียวลาย FAR อยู่ที่ 1 ต่อ 1 หรือ สีแดง เช่น ในเทศบาลนครนนทบุรี อยู่ที่ 8 ต่อ 1 หรือแม้แต่กฎของการก่อสร้างที่จอดรถ ซึ่งแต่ละเทศบาลก็แต่กต่างกัน
ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวในงานเสวนา “อสังหาฯ ยุค 4.0 : differentiate or die” ซึ่งจัดโดยบริษัท พร๊อพทูมอร์โรว์ จำกัด ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัย เพราะว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว กำลังซื้อลดลง เรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงอยู่ระดับ 81% ทำให้ความเชื่อมั่นคนไทยลดลงตามปัจจัยลบต่างๆ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่นอกเหนือความคาดหมายทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยลบต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรง และทางอ้อม
นอกจากนี้ การที่คนไทยจำนวนหนึ่งอยู่ในภาวะที่มีหนี้ครัวเรือนมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ซื้อในกลุ่มระดับกลางลงไป หรือที่ซื้อที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท รายได้ต่อครัวเรือนประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเดือนลงไป เป็นกลุ่มที่มีหนี้มาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเลือกปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปจับกลุ่มลูกค้าในระดับราคาสูงขึ้น หรือเพิ่มสัดส่วนโครงการระดับกลางขึ้นไปมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายที่ในอดีตให้ความสำคัญกับตลาดระดับกลางลงไปก็จำเป็นต้องขยับมาเล่นในตลาดระดับกลางขึ้นไปมากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายเพิ่มสัดส่วนโครงการราคาต่ำ แต่อยู่ในทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง หรือผู้ประกอบการที่ในอดีตเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองก็เพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น เป็นต้น
นายสุธาทร สุทธิสนธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร๊อพทูมอร์โรว์ จำกัด ผู้พัฒนาเว็บไซต์ www.prop2morrow.com เว็บสื่ออสังหาฯ รูปแบบใหม่ กล่าวว่า ใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตอีก 2 เท่าตัว ด้วยการขยาย และต่อยอดธุรกิจอีก 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์ “พร็อพเวสเตอร์” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดสต๊อกสินค้าของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเป็นการซื้อ ขาย เช่า ทั้งตลาดชาวไทย กับต่างชาติ รวมไปถึงการร่วมลงทุนกับนักลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ
“แนวทางในการดำเนินงานของบริษัทหลังจากนี้ เราพร้อมให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และเพื่อความชัดเจนในการดำเนินงาน บริษัทจึงแยกการบริหาร อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าพานักลงทุนไทยลุยอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษ สองเมืองหลัก อย่างลอนดอน และแมนเชสเตอร์ รายละเอียดอยู่ในระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์”
ในส่วนของอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการขยายธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับ prop2morrow ภายในปีนี้ และอนาคต คือ “พร็อพเพอร์ตี้ เทค” ที่เริ่มศึกษา และเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (ปี 2559) โดยใช้แบรนด์ “พร็อพพ้า ชิล” ซึ่งบริษัทนี้ได้ผู้ถือหุ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอสังหาริมทรัพย์ และเครือข่ายความเชี่ยวชาญระดับประเทศ ปัจจุบันอยู่ในขั้นต้นแบบในการทำธุรกรรมทางการเงินกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์.