ซีอีโอ SPCG เผยกำไรปี 59 พุ่ง 6% กว่า 2.6 พัน ล. ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2/2559 หุ้นละ 0.7 บาท ตั้งเป้าปี 60 โกยรายได้ทะลุ 6 พัน ล. พร้อมเดินหน้าเจรจาพันธมิตรกลุ่มอาเซียน หวังเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าเป็น 500 เมกะวัตต์ ภายในปีหน้า
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน เปิดเผยถึงผลประกอบการของ บมจ.เอสพีซีจี ประจำปี 2559 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีรายได้จำนวน 5,544.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 5,057.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 และมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 2,617.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวมจำนวน 2,465.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6.18 จากปีก่อน โดย SPCG ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการของปี 2559 เป็นจำนวนเงิน 1.10 บาทต่อหุ้น โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 ถึง 30 มิ.ย.2559 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท และประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 จำนวน 0.70 บาท ซึ่งบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 20 มี.ค.2560 จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในวันที่ 15 พ.ค.2560 อัตราการจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นมีการจ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล
“ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะร่วมธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ โดยกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด ซึ่งคาดว่าบริษัทจะทำรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เพราะได้รับความนิยมมากทั้งในครัวเรือน และในโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น จากปีก่อนทำได้ 938 ล้านบาท แต่ก็จะมีผลต่ออัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่น่าจะลดลง จากมาร์จินของโซลาร์รูฟน้อยกว่ามาร์จินของโซลาร์ฟาร์ม อย่างไรก็ตาม เราก็จะรักษาไม่ให้น้อยกว่า 40%” นางวันดี กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจเอสพีซีจี บริษัทได้ขยายการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากได้เริ่มพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้กับอุทยานภูเขาไฟไดเซน ขนาด 30 เมกะวัตต์ คาดจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ให้กับหน่วยงานภาครัฐประเทศญี่ปุ่นได้ในปี 61