KTIS เผยตัวเลขหลังเปิดหีบอ้อยแล้ว 88 วัน ได้อ้อยเข้าหีบ 6.07 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้ 624 ล้านกิโลกรัม สูงกว่าปีก่อน 6.3% เหตุอ้อยปีนี้คุณภาพดี ทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปีนี้ที่อยู่ในระดับโดยเฉลี่ยสูงกว่า 20 เซ็นต์ต่อปอนด์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 13-14 เซ็นต์ต่อปอนด์ เชื่อมั่นผลการดำเนินงานปี 2560 จะเติบโตตามเป้า
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ KTIS เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่ม KTIS หีบอ้อยในปีการผลิต 2559/60 จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2560 หรือ 88 วัน พบว่า โรงงานน้ำตาลในกลุ่ม KTIS ทั้ง 3 โรง สามารถหีบอ้อยได้รวม 6.07 ล้านตัน ซึ่งสามารถผลิตเป็นน้ำตาลได้ 6.24 ล้านกระสอบ หรือ 624 ล้านกิโลกรัม สูงกว่าปีก่อน 6.3% เมื่อเทียบจำนวนวันหีบอ้อยที่เท่ากัน
“จะเห็นว่าคุณภาพอ้อยปีนี้ดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับอ้อยปีก่อน โดยผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยล่าสุด ทำได้เฉลี่ย 102.8 กิโลกรัมต่อตันอ้อย ในขณะที่ปีก่อนทำได้แค่ 91.1 กิโลกรัมต่อตันอ้อย เท่านั้น โดยกลุ่ม KTIS คาดว่า จะมีอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตนี้ประมาณ 8.5 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งได้อ้อยประมาณ 7.5 ล้านตัน คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านตัน ด้วยผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยที่สูงกว่า 102 กก.ต่อตันอ้อย จึงคาดว่ามีน้ำตาลที่ผลิตได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 180 ล้านกิโลกรัม หรือคิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท”
นอกจากนี้ อ้อยซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตสินค้าของกลุ่ม KTIS ที่ดีขึ้นทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ จะส่งผลดีไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งเยื่อกระดาษ เอทานอล และไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงชีวมวล ก็จะได้ปริมาณมากขึ้นด้วย ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้น จากช่วงต้นปี 2559 เฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 เซ็นต์ต่อปอนด์ มาที่ 20-21 เซ็นต์ต่อปอนด์ ทำให้มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในปี 2560 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับเหตุปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตอ้อยปีนี้สูงกว่าปีก่อน นอกจากเรื่องของปริมาณน้ำฝนที่มีมากกว่าปีก่อนแล้ว ยังเป็นเพราะความร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดีของพนักงานทุกฝ่ายในกลุ่ม KTIS เพื่อแก้ไขปัญหาในปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายไร่ซึ่งเกาะติดอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกอ้อย จะลงไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เริ่มแรก เช่น ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องพันธุ์อ้อย มาจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ก็พยายามจะให้ได้อ้อยที่สะอาด และมีคุณภาพดีที่สุด ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยจึงสูงขึ้นมาก ขณะที่ฝ่ายโรงจักรก็ดูแลเครื่องจักรต่างๆ เป็นอย่างดี ทำให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มศักยภาพ
“โรงงานน้ำตาลเกษตรไทย ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 55,000 ตันอ้อยต่อวัน และเราตั้งเป้าว่า จะต้องหีบอย่างราบรื่นให้ได้เต็มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะส่งผลให้รายได้ของกลุ่ม KTIS จะเติบโตตามเป้าที่ได้วางไว้”