xs
xsm
sm
md
lg

SCC ทุ่ม 1.3 พัน ล. ถือหุ้นโครงการปิโตรฯ คอมเพล็กซ์เวียดนามเพิ่มเป็น 71%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 2.มี.ค.60 ว่า อนุมัติให้บริษัท วีนา เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (VSCG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ QPI Vietnam Limited (QPIV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Qatar Petroleum International เพื่อซื้อหุ้นทั้งหมด 25% ของ QPIV ที่มีอยู่ใน Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม

ธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 36.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นทั้งทางตรง และทางอ้อมของ SCC ใน LSP เพิ่มขึ้นเป็น 71% จากเดิม 46% โดยฝ่ายผู้ร่วมทุนเวียดนาม มีสัดส่วน 29% สำหรับแหล่งเงินทุนของโครงการนี้จะมีทั้งส่วนของผู้ถือหุ้น และเงินกู้ คาดว่าโครงการจะมีข้อสรุปเรื่องการลงทุน (Final Investment Decision) ภายในครึ่งแรกของปี 60 หลังจากนั้น จึงจะสรุปรายละเอียดของค่าใช้จ่ายในการลงทุน คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี และจะเริ่มผลิตได้ในปี 64

LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม มีความสามารถในการแข่งขันในเชิงธุรกิจ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีการเชื่อมโยงจากโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้นถึงขั้นปลายครบวงจร มีความสามารถประหยัดจากขนาด (Economies of scale) และสามารถปรับเปลี่ยนการใช้วัถตุดิบเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจ เช่น ท่าเรือน้ำลึก และสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด

จุดเด่นของโครงการ คือ การมีโรงงานผลิตเอทิลีน ขนาดกำลังผลิต 1 ล้านตันต่อปี ที่มีความยืดหยุ่น สามารถเลือกใช้ก๊าซฯ กับแนฟทา เป็นวัตถุดิบในสัดส่วนต่างๆ เพื่อการผลิตโอเลฟินส์ รวมกันได้ถึง 1.6 ล้านตันต่อปี โดยสามารถใช้ก๊าซฯ เพื่อบริหารต้นทุนได้สูงสุดถึง 80% ของวัตถุดิบทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีโรงงานปิโตรเคมีขั้นปลายซึ่งผลิตโพลีโอเลฟินส์ (PE/PP) ที่มีกำลังการผลิตในปริมาณใกล้เคียงกันอีกด้วย LSP ตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม เพียง 100 กิโลเมตร โดยในปี 58 ประเทศเวียดนาม มีการนำเข้าโพลีโอเลฟินส์ มากกว่า 2 ล้านตัน และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต

กำลังโหลดความคิดเห็น