EKH ผู้ประกอบธุรกิจ “โรงพยาบาลเอกชัย” เปิดงบปี 59 รายได้รวมอยู่ที่ 511.98 ล้านบาท โตเกือบ 17% กำไรสุทธิอยู่ที่ 75.27 ล้านบาท โตเกือบ 55% จากผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยมี “นพ.อำนาจ” แม่ทัพคนสำคัญ เผยผลงานที่ออกมาตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี บอร์ดจึงมีมติจ่ายปันผลทันที 0.10 บ.ต่อหุ้น พร้อมตั้งเป้าปี 60 จะพัฒนาศักยภาพ และการให้บริการทางการแพทย์ในทุกช่องทางที่เป็นโอกาส หนุนผลงานปีนี้ทำนิวไฮต่อ วางเป้ารายได้เติบโต 8%
นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนชั้นนำ ในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 511.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.73 จากปี 2558 อยู่ที่ 438.61 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลถึงร้อยละ 16.38 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้าใช้บริการโรงพยาบาล ทั้งในส่วนของผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน
ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตอยู่ที่ 75.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.98 จากปี 2558 อยู่ที่ 48.57 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิในปี 2558 และปี 2559 ร้อยละ 11.07 และ 14.70 ตามลำดับ เป็นผลจากการบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล ควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคา และตัดจำหน่าย) และค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมอยู่ที่ 418.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.64 จากปี 2558 อยู่ที่ 374.92 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าการเติบโตของรายได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมลดลงเหลือร้อยละ 18.25 ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 35.24 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงร้อยละ 89.68 อยู่ที่ 0.27 ล้านบาท จากเดิมในปี 2558 อยู่ที่ 2.66 ล้านบาท
จากผลประกอบการที่ออกมาอย่างน่าประทับใจ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 60,000,000 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 25 เมษายน 2560 และวันที่จ่ายปันผล 16 พฤษภาคม 2560 นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรกทันทีหลังเข้า ตลท.ในปีที่ผ่านมา
“ผลงานปี 59 ที่ออกมาทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเกือบ 17% ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตสูงเกือบ 55% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากโรงพยาบาลได้รับความไว้วางใจ มีผู้เข้าใช้บริการในช่วงที่ผ่านมา ทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการบริหารไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมทั้ง การบริหารจัดการภายในอย่างดีที่สุด ส่งผลให้ EKH สามารถรักษาอัตรากำไรในระดับสูงต่อเนื่องได้ และมุ่งมั่นจะเดินหน้าสร้างการเติบโตให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชัย เป็นที่พึงพอใจทั้งในกลุ่มผู้เข้าใช้บริการ และกลุ่มผู้ถือหุ้น ในการได้รับผลตอบแทนอย่างดีที่สุด” นายแพทย์อำนาจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยตั้งเป้าหมายรายได้โรงพยาบาลเอกชัย จะเติบโต 8% จากปีก่อนอยู่ที่ 511.98 ล้านบาท เนื่องจากการให้บริการทางการแพทย์ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งพยาบาล และพนักงานบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่เป็นเลิศ ทำให้โรงพยาบาลเอกชัย มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา มีอัตราเข้าใช้บริการ (Utilization Rate) ของจำนวนเตียงผู้ป่วยในระดับสูง หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 68.94% และสูงสุดในช่วงไฮซีซันที่ระดับกว่า 80% จากปกติอยู่ที่ระดับ 58.51% และเชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในปีนี้ จากการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการตลาด และกิจกรรมเพื่อสังคม ตอกย้ำชื่อเสียงของโรงพยาบาลให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของลูกค้าคู่สัญญากลุ่มบริษัทประกัน และกลุ่มบริษัทเอกชนในพื้นที่ ในการทำสัญญาตรวจสุภาพให้แก่พนักงาน และเข้าทำการรักษา นอกจากนี้ การจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในย่านสมุทรสาคร ได้เป็นอย่างดี และยังมีโอกาสในการเติบโตจากการพัฒนาทางการแพทย์ที่เป็นเลิศในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนโรงพยาบาลเอกชัย ได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง
สำหรับแผนการก่อสร้างศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขนาด 50 เตียง อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อดำเนินการก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2-3/2560 และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2562 ตอกย้ำการเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านแม่และเด็ก อีกทั้ง ยังสามารถรับรู้รายได้ทันทีหลังเปิดให้บริการ เนื่องจากแผนกเด็กที่ปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 30 เตียง และมีอัตราการเข้าใช้บริการที่เกือบเต็มตลอด จะถูกย้ายไปในศูนย์กุมารเวชทั้งหมด พร้อมปรับปรุงพื้นที่เดิม สำหรับใช้รองรับการรักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา และมองหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ซึ่งต้องอาศัยความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล เพื่อป้องกันทุกความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และการเติบโตอย่างยั่งยืนได้