ความเป็นความตายของหุ้นบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้นเอคิว ขึ้นอยู่กับการขายหุ้นเพิ่มทุนวงเงิน 37,567 ล้านบาท
แต่ความเป็นความตายของผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 14,698 คน ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ "ซื้อ" หรือ "ไม่ซื้อ" หุ้นเพิ่มทุนเหมือนกัน
เพราะหากควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนไปแล้ว เงินเพิ่มทุนถูกนำไปไซ่ฟ่อน ด้วยวิธีการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่แพงเกินจริง เหมือนบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดจะต้องเจ็บตัวซ้ำสอง
การประกาศเพิ่มทุนครั้งมหึมา สั่นสะเทือนตลาดหุ้นของ ”เอคิว” กำลังทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเกิดความละล้าละลัง เพราะไม่แน่ใจว่า คณะกรรมการบริหารบริษัทชุดใหม่จะมาไม้ไหน จะมาดีหรือมาร้าย จะมากอบกู้กิจการ หรือเข้ามาสร้างนวนิยาย เพื่อสูบเงินนักลงทุน
การ ”คิดการใหญ่” ของคณะกรรมการบริษัท เอคิวฯ เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันทั้งตลาดหุ้น และงานนี้ถ้าสำเร็จ จะมีคนร่ำรวยขึ้นมาอีกไม่น้อย แผนการเพิ่มทุนจึงถูกขับเคลื่อนอย่างหนัก
มีคำสั่งผ่านไลน์กลุ่ม ขอให้สื่อในเครือข่ายช่วยกันเชียร์ มีการประสานให้นักวิเคราะห์หุ้นรุ่นอาวุโสบางคน เปิดห้องต้อนนักลงทุนพบปะผู้บริหารบริษัทฯ เพื่อหว่านล้อมให้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน
หุ้นใหม่จำนวน 1.25 แสนล้านหุ้น ที่จะเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ8สตางค์ และแจกวอร์แร้นท์ฟรี กำหนดราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในสัดส่วน 1 วอร์แร้นท์ต่อ 1หุ้นสามัญในราคาเพียง 5 สตางค์นั้น เป็นการออกแบบเงื่อนไขเพิ่มทุนที่ล่อใจ เมื่อเทียกับราคาหุ้นเอคิวที่ปิดครั้งสุดท้ายในราคา 0.22 สตางค์
แต่ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ ซื้อหรือไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนอยู่ที่ การนำหุ้นเพิ่มทุนอีกจำนวน 1.25 แสนล้านหุ้น เสนอขายบุคคลเฉพาะเจาะจง (พีพี) ในราคาหุ้นละ 0.198 บาท
ถ้าหุ้นเพิ่มทุนพีพีขายได้ทั้งหมด ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม ”เอคิว” จะสละสิทธิ์การจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
เพราะเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ๆ กล้าใส่เงิน ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคา 0.198 บาท ผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งมีต้นทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาที่ต่ำกว่า 50% จึงแทบไม่มีความเสี่ยง
การนำหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิมในราคา 8 สตางค์ พร้อมแจกวอร์แร้นท์ฟรี ถูกทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการเล่นเกมแจกเงินผู้ถือหุ้นเดิม ไม่ใช่การเล่นเกมสูบเงินผู้ถือหุ้น
แต่จะเป็นเกมการแจกเงินจริงหรือไม่ คำตอบสุดท้ายอยู่ที่การนำหุ้นจำนวน 1.25 แสนล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ราคา 0.198 บาท ถ้าขายได้จริง นักลงทุนกลุ่มเฉพาะเจาะจงที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะกลายเป็นหลักประกันความมั่นใจของผู้ถือหุ้นรายย่อย
แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า กลุ่มนักลงทุนเฉพาะเจาะจง จะใส่เงินเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเอคิว
จะถามหาคำยืนยันจากฝ่ายบริหารบริษัท เอคิวฯได้หรือไม่ ก่อนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะใส่เงินเพิ่มทุน
เพราะถ้าใส่เงินใหม่ลงไปแล้ว หุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่จัดสรรขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจงเกิดขายไม่ได้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะตกเป็นตัวประกันเสียเอง ถึงตอนนั้นคงเป็นเรื่อง ”ตัวใครตัวมัน”
การเพิ่มทุน นำหุ้นใหม่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมและขายพีพี เพิ่งมีบทเรียนมาหมาดๆ กรณีบริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นส่วนหนึ่งจัดสรรเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม และอีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยบางส่วนหลวมตัวควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน
แต่หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจงวงเงิน 300 ล้านบาทนั้น จนบัดนี้ยังไม่มีรายงานการชำระค่าหุ้นแต่อย่างใด
นักลงทุนรายย่อยที่จ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท เฟอร์รั่มฯ กำลังร้องกันระงม เพราะนับตั้งแต่ชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นบนกระดานย่อตัวลงอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดราคาหุ้นเพิ่มทุนต่ำกว่าราคาหุ่นบนกระดานกว่า 30%
ผู้ถือหุ้นรายย่อย “เฟอร์รั่ม” ที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ต้องเจ็บตัวซ้ำสอง เพราะขาดทุนหุ้นตัวแม่แล้ว ยังต้องขาดทุนหุ้นตัวลูกอีก
การเพิ่มทุนเฟอร์รั่ม เป็นกรณีศึกษาอย่างดีของผู้ถือหุ้นรายย่อย ”เอคิว” เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อย”เอคิว”ที่เตรียมควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะไม่ถูก “กินเรียบ” เหมือนผู้ถือหุ้นรายย่อยเฟอร์รั่ม
คณะกรรมการ เอคิวฯกล้ารับประกันไหม หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอนักลงทุนเฉพาะเจาจง จะขายได้หมด และถ้าขายไม่หมด ยินดีคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ”เอคิว” จำนวน 14,698 ราย เชื่อว่าทุกคนย่อยยับกับหุ้นตัวนี้มาแล้ว การตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน จึงต้องไตร่ตรองอย่างหนัก เพราะถ้าพลาดก็ “หมดตัว”