xs
xsm
sm
md
lg

LH BANK แจงดีลไต้หวัน ซื้อหุ้นอืด-รอทางการอนุมัติ-มุ่งเดินหน้าธุรกิจต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHBANK) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเข้าร่วมทุนของ CTBC BANK จากไต้หวัน ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นสัดส่วน 35.61% ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไต้หวัน (BANK OF TAIWAN) ซึ่งแม้จะช้ากว่าที่แผนกำหนดไว้ และยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจนว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด แต่ยืนยันว่าดีลดังกล่าวจะไม่มีการล้มเลิก และหากกระบวนการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะมาถึงขั้นตอนที่ต้องได้รับการอนุมัติจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกด้วย

“เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ เราไม่สามารถไปก้าวก่ายกับทางการได้ว่าต้องเสร็จเมื่อไหร่ เพราะการที่จะขนเงินออกมาจากประเทศเขาหลายหมื่นล้านบาทไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วเราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ปัจจุบันก็ยังทำธุรกิจ ขับเคลื่อนธุรกิจต่างๆ ไปได้อย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานปีที่แล้วก็ออกมาดี กำไรขยายตัวดี ดังนั้น ก็ยังสามารถรอต่อไปได้”

ส่วนแนวโน้มสินเชื่อในช่วงไตรมาสแรกปีนี้อาจจะชะลอลงจากไตรมาส 4 ของปีก่อหน้า เนื่องจากเทียบกับฐานที่สูง และมีการชำระคืนของลูกค้าเข้ามาระดับหนึ่ง แต่ในช่วงที่เหลือน่าจะเติบโตได้ดี จากปีก่อนที่สินเชื่อของทางระบบเติบโตได้น้อย เพราะมีการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นมาก แต่ปีนี้จำนวนตราสารหนี้อาจจะไม่มากเท่าเดิม หลังมีปัญหาเรื่องตั๋วบีอี ฝั่งสินเชื่อก็น่าจะเติบโตได้มากขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ 6-10% คิดเป็นเม็ดเงินปล่อยใหม่ 8,000-15,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 59 ที่มียอดคงค้างสินเชื่อคงค้างที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยจะขยายจากสินเชื่อรายใหญ่ที่ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 11% สินเชื่อรายย่อยเติบโต 20% ซึ่งจะขยายธุรกิจไปนอกกลุ่มมากขึ้น จากเดิมที่เน้นขยายแต่บริษัทในเครือแต่เพียงอย่างเดียว

ด้านหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้จะควบคุมไม่ให้เกิน 2% จากสิ้นปี 59 ที่อยู่ 1.7% โดยจะเป็นการบริหารจัดการด้วยธนาคารเอง และมีการขายหนี้ออกไปบางส่วน

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจ ธนาคารมองว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มากโดยเฉพาะจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ความไม่แน่นอนจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือปัญหาการเมืองจากทางยุโรป ซึ่งอาจจะส่งผลให้จีดีพี ขยายตัวไม่ถึง 3.2% เพราะยังต้องพึ่งพาการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น