xs
xsm
sm
md
lg

ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ ของสัดส่วนหนี้ครัวเรือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ดร.ประสาน ตั้งมติธรรม
ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานนะกำกับดูแล ศูนย์วิจัยศุภาลัย กล่าวว่า ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา วงการธุรกิจที่อยู่อาศัยมีการกล่าวถึงสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ของประเทศไทยว่า อยู่ในระดับสูง และเป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยชะลอตัว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากข้อเท็จจริงเชิงวิชาการที่ถูกต้องเกี่ยวกับสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี คือ 1.สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี จะมีค่าสูงขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก โดยไม่มีข้อยกเว้น โดยแปรผันตามระดับการพัฒนาด้านสถาบันการเงิน (financial intermediation development) ทั้งในเชิงกว้าง และเชิงลึก (widening & deepening) กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคมีโอกาสเข้าถึงบริการของสถาบันการเงินอย่างกว้างขวางมากขึ้น และเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น หนี้สินครัวเรือนจะได้รับการบันทึกในระบบมากขึ้น อันจะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี สูงขึ้นตามลำดับด้วย ทั้งนี้ ความเป็นหนี้มากน้อยของครัวเรือนโดยเฉลี่ยในเชิงโครงสร้าง มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี น้อยมาก

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ประเทศในยุโรป ที่มีพัฒนาการทางการเงินสูงกว่าไทย จะมีสัดส่วนตัวนี้ สูงกว่าไทย 30-40 หน่วยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้หมายความว่า ประเทศเหล่านั้นมีความเสี่ยงทางการเงินมากว่าไทย ส่วนประเทศข้างเคียงของไทยที่มีพัฒนาการน้อยกว่าไทยมาก จะมีสัดส่วนตัวนี้น้อยกว่าไทยหลายสิบหน่วยเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน ดังแสดงในรูปที่ 1 Household debt to GDP ซึ่งแสดงว่า ประชาชนในประเทศเหล่านั้น ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงสถาบันการเงิน

2.สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ของแต่ละประเทศมีการเพิ่มขึ้นที่ช้า หรือเร็วแตกต่างกันในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งก็เห็นได้ในรูปที่ 1 เช่นเดียวกัน สัดส่วนตัวนี้ของไทยโดยเฉพาะดูได้จากรูปที่ 2 Thailand Households debt to GDP ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในช่วงปี 1991-1997 สัดส่วนตัวนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 5 หน่วยเปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่ในช่วงปี 2008-2016 เพียงประมาณ 3 หน่วยเปอร์เซ็นต์ต่อปี นอกจากนี้ เป็นที่แน่นอนว่า ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสัดส่วนตัวนี้ยังมีอีกมาก เช่น ราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าปกติ เป็นต้น แต่ระดับการพัฒนาด้านสถาบันการเงินยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ ดังนั้น สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่อาจใช้บอกได้ว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ในสภาพเลวร้ายเพียงใด

กล่าวโดยสรุปก็คือ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี มีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมากกับระดับความเป็นหนี้ โดยเฉลี่ยของผู้บริโภคแต่ละคนเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงอย่างไร จึงไม่สามารถที่จะใช้สัดส่วนตัวนี้มาเชื่อมโยงกับความซบเซาของธุรกิจที่อยู่อาศัยอย่างที่ชอบทำกันในช่วงที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น