สแกน อินเตอร์ ปีนี้ชูกลุ่มธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ NGV และธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG เป็นหัวหอกโกยรายได้ รับทิศทางราคาน้ำมันโลกขาขึ้น ดันส่วนต่างราคาน้ำมันเทียบกับก๊าซ NGV เพิ่มเป็นเท่าตัว หนุนความต้องการใช้ก๊าซ NGV พุ่ง ด้านที่ประชุมบอร์ดบริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น หลังปี 59 ทำกำไรสุทธิ 307.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติในปี 2560 ที่มีเป้าผลักดันการเติบโต 30-40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG เป็นหัวหอกสร้างรายได้ เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ NGV ในไทย หลังสัญญาณความต้องการใช้ในภาคลอจิสติกส์ และโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง โดยประเมินว่า มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มเป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังกลุ่มโอเปก ร่วมกันปรับลดการผลิตน้ำมันลง 210,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของ SCN ในปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการภาคขนส่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปใช้เชื้อเพลิงราคาถูกที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งปัจจุบันพบว่า ราคาก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด
โดยส่วนต่างราคา NGV กับน้ำมันดีเซลจาก 6.37 บาทในเดือนมกราคม เพิ่มเป็น 13.64 บาทในเดือนธันวาคม และหากเทียบส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันเบนซิน 95 และราคา NGV เพิ่มขึ้นจาก 16.86 บาท หรือร้อยละ 56 ในเดือนมกราคม 2559 เป็น 22.01 บาท หรือร้อยละ 65 ในเดือนธันวาคม ทำให้เห็นได้ว่า การลอยตัวราคา NGV สะท้อนถึงราคาต้นทุนที่แท้จริง ทำให้การประหยัดของกลุ่มลูกค้าที่ใช้น้ำมันเบนซินมีมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนมาใช้ NGV จึงเชื่อว่า จะทำให้มีปริมาณความต้องการใช้ก๊าซ NGV ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดร.ฤทธี กล่าวว่าปีนี้ตั้งเป้าเข้าซื้อกิจการสถานีบริการก๊าซ NGV สำหรับยานยนต์จำนวน 3 สถานี โดยเฉพาะกิจการสถานี NGV ที่สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที และจะดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการ NGV จำนวน 3 สถานี ซึ่งเป็นการลงทุนจากปีที่ผ่านมา ให้แล้วเสร็จ โดยที่สถานีน้ำพองจะสามารถก่อสร้างได้ทันที และอีก 2 สถานีอยู่ระหว่างรอสัญญาซื้อขายก๊าซจาก ปตท. นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขอสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.ใหม่อีกจำนวน 3 สถานี บนพื้นที่ที่คาดว่า มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจค้าปลีก NGV ดังนั้น คาดว่าภายในปี 2560 บริษัทฯ จะมีสถานี NGV ที่ดำเนินงาน และสามารถรับรู้รายได้ได้ทั้งหมด 16 สถานี จากปัจจุบันดำเนินการอยู่ 7 สถานี โดยได้รับการอนุมัติงบประมาณลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV จากคณะกรรมการบริษัทฯ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,350 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ด้วยแนวโน้มของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นยังส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือ iCNG เช่นกัน หลังราคาน้ำมันเตาได้ปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล จึงเป็นโอกาสของ SCN ในการเพิ่มปริมาณการขายในปีนี้เป็น 500 ล้านบาท หลังจากทยอยจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิตแทนน้ำมันเตา
“จากภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของ SCN ที่จะผลักดันรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติให้เพิ่มสูงขึ้น โดยมีธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจ iCNG เป็นหัวหอกช่วยให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ตามแผนงานที่วางไว้” ดร.ฤทธี กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 307.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 82.57 ล้านบาท คิดเป็น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 225.36 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทำได้ 2,507.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2,095.05 ล้านบาท โดยผลดำเนินงานที่เติบโตได้ดีมาจากการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติทุกกลุ่ม ทั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักโดยเอกชน (PMS) ธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติ (TPL) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถส่งมอบงานรับเหมาก่อสร้าง และซ่อมบำรุง และงานในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานรอบปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 และปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 พร้อมกำหนดจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2560