ไทยวา สร้างสถิติใหม่สูงสุดทั้งในด้านยอดขายและกำไรสุทธิ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทั้งธุรกิจอาหาร และแป้งมันสำปะหลัง กวาดรายได้จากการขาย 6,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อน หลังควบคุมต้นทุน และการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมจ่ายปันผลอีก 0.21 บาท/หุ้น 19 พ.ค.นี้
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2559 สามารถทำสถิติใหม่นับตั้งแต่มีการจัดตั้งบริษัทฯ โดยมีรายได้จากการขาย 6,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ทั้งในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม ประกอบกับราคาหัวมันสำปะหลังที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 4% โดยอยู่ที่ระดับ 25% นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนสุทธิจากภาษี จำนวน 47 ล้านบาท ในปีนี้ด้วย
“ผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมา เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในด้านยอดขาย และกำไรสุทธิสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ ด้วยการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านต้นทุน และการผลิต และได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจมันสำปะหลังที่มียอดขายรวม 4,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ธุรกิจอาหารมียอดขาย 1,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า” นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2559 ในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น โดยได้มีอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.09 บาท/หุ้น ไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 และกำหนดจ่ายเงินปันผลอีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ให้ผู้ถือหุ้นที่จะชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 เมษายน 2560
นายโฮ เรน ฮวา กล่าวอีกว่า ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังในประเทศไทยปี 2559 เติบโตกว่า 10% เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการจำนวนมากโดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้าหลักๆ ของบริษัทฯ ส่วนธุรกิจกลูโคสในประเทศเวียดนาม มีการเติบโตกว่า 36% จากความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่มในประเทศเวียดนาม ขณะที่ธุรกิจอาหาร แม้จะเติบโตเพียง 2% จากปีก่อนหน้า แต่บริษัทฯ ยังคงความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นสด และวุ้นเส้นแห้งในประเทศไทย
ทั้งนี้ TWPC วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง และยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการวัตถุดิบของบริษัทฯ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างฐานการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป