กอช.เตรียมเสนอกระทรวงการคลังแก้กฎกระทรวง เพิ่มอัตราจ่ายสมทบจาก 1,200 บาท เป็น 2,500 บาท เพื่อจูงใจประชาชนออมเงินเพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้าสมาชิกปีนี้ 1 ล้านคน
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า กอช.ตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มจำนวนสมาชิกเป็น 1 ล้านคน จากปัจจุบัน 525,840 คน และคาดจะมีเงินกองทุนรวมเป็น 3,000-4,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 1,962 ล้านบาท โดยจะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการจังหวัด และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวบรวมรายชื่อแล้วนำส่งสมัครกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก ตลอดจนเดินสายตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิก และปลูกฝังวินัยการออมตั้งแต่วัยเด็ก และหากสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ถึงหลักล้านจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรอง ค่าเบี้ยประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หลังมีแผนเพิ่มสิทธิประโยชน์สมาชิก ทั้งทำประกัน และออกบัตรสมาชิก เพื่อซื้อสินค้าราคาถูกในร้านค้าประชารัฐ
ทั้งนี้ เตรียมเสนอกระทรวงการคลังแก้ไขกฎกระทรวงปรับ เพิ่มอัตราการจ่ายเงินสมทบ จากปัจจุบันจ่ายสูงสุด 1,200 บาท เป็น 2,500 บาท จากบัญชีแนบท้ายที่กำหนดว่า สามารถปรับแก้ได้สูงสุด 6,000 บาท แต่ยังคงเกณฑ์วิธีการจ่ายสมทบตามอัตราขั้นบันไดตามระดับอายุไว้เช่นเดิม เพื่อจูงใจประชาชนจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่องทุกเดือนตลอดทั้งปี หลังจากปีที่ผ่านมา ประชาชนจ่ายเงินออมเข้ากองทุนน้อย และไม่ต่อเนื่อง คาดว่าเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของ กอช.ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงลดการออมเงินลง นอกจากนี้ กอช.ยังเตรียมเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเสนอแผนการลงทุน เนื่องจากปัจจุบัน กอช.วางแผนลงทุนเอง และปีที่แล้วได้ผลตอบแทนรวมร้อยละ 2
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มกราคม 2560 มีเงินกองทุนรวม 1,962 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสะสม 1,460 ล้านบาท และเงินสมทบ 502 ล้านบาท สมาชิก 525,840 ราย อาชีพสมาชิกแบ่งเป็นเกษตรกร ร้อยละ 54.70 ไม่ประกอบอาชีพ ร้อยละ 19.20 ค้าขาย ร้อยละ 10.90 อายุของสมาชิกส่วนใหญ่อยู่ในช่วงมากกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ร้อยละ 42 ถิ่นที่อยู่ของสมาชิกส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 46.10 รองลงมา ภาคกลาง ร้อยละ 22.80 และภาคเหนือ ร้อยละ 11.60
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเพิ่มเงินสมทบสมาชิก กอช.เป็น 2,500 บาท ต้องไม่เป็นภาระงบประมาณเกินไป และต้องเป็นผลดีต่อสมาชิกอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา แต่หากไม่มีกองทุนสวัสดิการ อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) กอช.ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า จะทำให้ภาครัฐต้องรับภาระงบประมาณ 600,000-700,000 ล้านบาท ในการดูแลประชาชน