xs
xsm
sm
md
lg

น่าเป็นห่วง! ไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุในไทยแตะ 17 ล้านคน พบผู้บริโภคเมินวางแผนจัดหาที่อยู่อาศัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เว็บไซต์ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty.com) ภายใต้การบริหารงานของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เว็บไซต์สื่อกลางด้านการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย เผย 6 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสำรวจไม่มีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของตนหลังวัยเกษียณ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป มากที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก

จากการประมาณการพบว่า ในปี พ.ศ.2573 หรืออีก 10 กว่าปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบก้าวกระโดด โดยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านคน จาก 11 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2559 หรือเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 27 ของประชากรทั้งหมด กล่าวคือ จะมีผู้สูงอายุ 1 คน ในประชากรทุกๆ 4 คน

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ยังพบว่า เพียงร้อยละ 25 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความกังวลว่า จะไม่สามารถจ่ายค่าที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมหลังวัยเกษียณให้แก่ตนเอง (รูปที่1:7 ข้อกังวลเรื่องการอยู่อาศัยเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัย) นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Economic Intelligence Center) พบว่า ประชาชนไทยส่วนใหญ่ไม่มีการเตรียมความพร้อมทางด้านการเงินหลังวัยเกษียณ และมักมองข้ามความสำคัญของการออมเงิน และการลงทุนเพื่อใช้จ่ายในวัยหลังเกษียณ

จากผลสำรวจผู้ที่อยู่ระหว่างหาซื้อ และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรวม 661 คน (แบ่งเป็นกลุ่มอายุ 21-39 ร้อยละ 43, กลุ่มอายุ 40-59 ร้อยละ 40 และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 43) พบว่าเพียงร้อยละ 37 กำลังเริ่มมองหา หรือเคยมองหาสถานที่พักอาศัยที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัยหลังเกษียณ โดยมีลักษณะที่ตอบโจทย์ความต้องการของธรรมชาติผู้สูงอายุ และมีสถานที่ดูแลผู้สูงวัยใกล้เคียงกับบริเวณที่พักอาศัย ในทางกลับกัน ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่า ประเด็นนี้สำคัญ และยังไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตพวกเขา ณ ขณะนี้

ธนาคารโลก หรือ World Bank ได้กล่าวไว้ว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้สังคมไทยมุ่งหน้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือ อัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงอย่างน่าตกใจ จากร้อยละ 6.1 ในปี พ.ศ.2508 เหลือเพียงร้อยละ 1.5 ในปี พ.ศ.2558 (รูปที่ 2 : การลดลงของอัตราการเจริญพันธุ์ของหญิงไทย) เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่มีการศึกษา และมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น รวมถึงผลสำเร็จของโครงการวางแผนครอบครัวที่รัฐบาลริเริ่มในปี พ.ศ.2513

ประเทศสิงคโปร์ ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศในทวีปเอเชียที่กำลังรับมือกับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งขณะนี้มีจำนวนผู้สูงอายุมากถึง 1 ล้านคน หรือร้อยละ 18 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 31 ใน พ.ศ.2573 นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ มองว่า จำนวนผู้เกษียณวัยอายุ 62 ขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 900,000 คนในปีเดียวกันนี้ ถึงกระนั้นแล้ว แบบสำรวจผู้ที่อยู่ระหว่างหาซื้อ และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศสิงคโปร์ พบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ทำแบบสำรวจ ไม่เห็นว่าเรื่องชีวิตวัยเกษียณเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีผลกระทบกับพวกเขาในปัจจุบัน และส่วนมากยังไม่มองประเด็นเรื่องคุณภาพชีวิต และที่อยู่อาศัยว่าเป็นปัญหาใดๆ เป็นสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ รายได้เฉลี่ยต่อหัว หรือ GDP per capita ของประเทศสิงคโปร์สูงกว่าประเทศไทย มากถึง 10 เท่า (รูปที่ 3 : รายได้เฉลี่ยต่อหัว)

ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาโครงสร้างประชากรที่มีคนสูงอายุเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงได้มีแนวคิดให้ผู้สูงอายุอยู่อาศัยในที่เดิม (ageing-in-place) 3 โดยได้มีการจัดสรรที่ดิน และพัฒนารูปแบบบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย ปัจจุบัน องค์การอาคารและสิ่งก่อสร้าง (Building and Construction Authority) แห่งประเทศสิงคโปร์ ได้มีการปรับเปลี่ยน ประมวลการเข้าถึงอาคารโดยปราศจากอุปสรรค (Code on Barrier-Free Accessibility in Buildings) ซึ่งออกเมื่อปี พ.ศ 2533 ให้เป็น “Code on Accessibility in the Built Environment 2013” ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับการสร้างอาคาร และสิ่งก่อสร้าง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงวัย และจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ให้พวกเขาสามารถเข้าถึงอาคาร และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

“การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนกำลังแรงงานที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประเภทต่างๆ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ได้เริ่มมีการนำลักษณะ และแบบบ้านที่ออกแบบเพื่อรองรับความต้องการของสังคมผู้สูงวัย แต่มีเพียงผู้บริโภคกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับผลกระทบกับตนเอง และครอบครัวเท่านั้น ที่เริ่มเข้าใจว่า การออกแบบ และเลือกที่อยู่อาศัยมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบสำรวจนี้จะช่วยให้รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องมองเห็นปัญหาปัจจุบันในสังคม เข้าใจถึงความสำคัญของการมีกฎหมายที่เหมาะสมต่อการออกแบบอาคาร และที่อยู่อาศัยให้ผู้สูงวัยสามารถอาศัยอยู่ในที่ที่เดิมได้ โดยให้มีผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาน้อยที่สุด” นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น