“ดูลักซ์” มั่นใจอุตสาหกรรมสีทาอาคารในปี 60 และในอนาคตมีแนวโน้มเติบโต พร้อมมุ่งมั่นสานต่อ 3 พันธกิจหลัก ผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าจากการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 25-30% ภายในปี 2563 เผยตัวเลยยอดขายรวมทั่วโลกปี 58 อยู่ที่ 14.9 หมื่นล้านยูโร คาดปี 59 ปรับดีขึ้น
นายเจเรมี่ โรว์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เดเคอเรทีฟ เพ้นท์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และภูมิภาคตะวันออกกลาง ผู้นำด้านอุสาหกรรมสี และสีเคลือบ และผู้ผลิตสีทาอาคารชั้นนำระดับโลก ภายใต้ตราสินค้า “ดูลักซ์” กล่าวว่า ตลาดอุตสาหกรรมสีทาอาคารของไทยมีความสำคัญ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคตได้ และหากมองระยะยาวแล้ว จะสามารถเติบโตได้ในทิศทางที่ดี โดยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทอั๊คโซ่ฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าในปีที่ผ่านมา และปีนี้เราต้องเติบโตแน่นอน
“สำหรับเรื่องท้าทายของเรา คือ อั๊คโซ่ฯ จะต้องรักษาอันดับ 1 ใน 3 ของผู้นำอุตสาหกรรมสีทาอาคาร จะทำอย่างไรให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งเราเล็งเห็นว่า ประเทศไทยมีการเติบโต และจากการเข้าร่วมประชุมของหอการค้าไทย ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีของไทย ได้พูดถึงธุรกิจสีทาอาคารนี้ว่า จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอีกด้วย” นายเจเรมี่ กล่าว
ทั้งนี้ ตามแผนงานในปี 2560 เราต้องมีการต่อยอดขึ้นไป ผ่าน 3 พันธกิจหลักในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.ด้านความยั่งยืนโดยความสัมพันธ์กับพันธมิตร และกลุ่มลูกค้าผ่านแนวคิด “แพลเน็ต พอสซิเบิล” (Planet Possible) ซึ่งเป็นแนวคิดทางด้านนวัตกรรมด้านความยั่งยืนของทรัพยากร และวัสุด ที่จะช่วยผลักให้ “อั๊คโซ่ โนเบิล” สามารถเพิ่มมูลค่าจากการใช้ทรัพยากรในการผลิตที่ลดลงได้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายให้ความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้เหนือกว่าคู่แข่งให้ได้ประมาณ ประมาณ 20% ภายในปี 2563
2.ด้านนวัตกรรม บริษัทได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “ดูลักซ์ วิชัวไลเซอร์” (Dulux Visualizer) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ให้เจ้าของบ้านได้เห็นสีบ้านก่อนทาสีจริงจนถึงผลิตภัณฑ์เคลือบผิว ซึ่งจะปกป้องอาคาร และสถานที่สำคัญ และยังเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 25-30% ภายในปี 2563 รวมไปถึงช่วยประหยัดพลังงาน ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และวีดีโอเสมือนจริงสามารถแสดงภาพการออกแบบได้แบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทอัคโซ่ โนเบล ยังคงมีแผนการลงทุนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปี 58 บริษัทมีการลงทุนด้านนวัตกรรม (R&D) ประมาณ 347 ล้านยูโรของรายได้รวม และ 3.ด้านกำไรเทียบกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลตั้งแต่ต้นไปจนถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงชุมชนเมือง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน โดยยังคงย้ำถึงความสำคัญของแนวคิดฮิวแมน ซิตีส์ และแนวทางการปกป้องมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมไปถึงการฟื้นฟูชุมชนเมืองทั่วโลก ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีแล็บเพื่อวิจัยสี 130 แห่ง และมีนักวิจัยสีกว่า 4,000 คน โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทอั๊คโซ่ โนเบล มีรายได้ที่ประมาณ 14.9 หมื่นล้านยูโร เปรียบเทียบกับปี 2557 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 14.3 หมื่นล้านยูโร
ทั้งนี้ ตัวเลขผลการดำเนินงานในปี 2558 ปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้แบ่งตามกลุ่มตลาด ได้แก่ กลุ่มอาคารและก่อสร้าง 43% ขนส่ง 17% คอนซูเมอร์ 18% และกลุ่มอุตสาหกรรม 22% และหากแยกรายได้ตามกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสี คิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ อยู่ที่ 27% อุตสาหกรรมหลัก (รถยนต์ เรือ) 40% และเคมีคอล 33%.