“บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง” มั่นใจเข้าเทรดในตลาดหุ้น mai วันแรก 15 ก.พ.60 เชื่อนักลงทุนให้การตอบรับดีต่อเนื่อง ย้ำพื้นฐานแกร่ง โอกาสเติบโตสูงทั้ง 3 ธุรกิจคาดสามารถยืนเหนือจอง
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บมจ.บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง (ETE) มั่นใจว่า ETE มีความพร้อมทุกด้านก่อนจะเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) พรุ่งนี้ (15 ก.พ.60) โดยที่ผ่านมา ETE ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การโรดโชว์ 6 จังหวัด ที่มีนักลงทุนสนใจฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก รวมถึงหลังจากการเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ ETE เมื่อวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วประเทศก็ได้ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก
“หลังจากกระบวนการต่างๆ ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของ ETE ผ่านไปด้วยดี สะท้อนให้เห็นว่า ETE จะเป็นหุ้น IPO อีกตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจ จากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และทั้ง 3 ธุรกิจของ ETE มีโอกาสในการขยายตัวที่สูงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการให้บริการงานระบบ Outsourcing และการให้บริการงานวิศวกรรม รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ ETE มีความโดดเด่น และมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต”
ขณะที่ นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ 1 บล.แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ETE กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการร่วมในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายมีความเชื่อมั่นว่า ETE จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ETE จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 4.20 บาทได้ เพราะจากการเสนอขายหุ้นร่วมกับผู้ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายทั้ง 3 ราย สามารถกระจายหุ้นไปยังนักลงทุนทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
“เราเชื่อมั่นในพื้นฐาน และการเติบโตของ ETE และด้วยการกำหนดราคาที่เหมาะสม ประกอบกับความต้องการของนักลงทุนในช่วงของการจองซื้อที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ทำให้คาดว่า ETE จะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรกแล้ว”
ส่วน นายชยันต์ อัคราทิตย์ กรรมการบริหาร บล.เอเชีย เวลท์ จำกัด ผู้จัดการร่วมในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ETE กล่าวว่า ด้วยความต้องการจองซื้อหุ้นจากนักลงทุนที่มากกว่าจำนวนที่เสนอขาย 140 ล้านหุ้น ได้สะท้อนความต้องการ และการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนที่พลาดโอกาสไม่ได้รับการจัดสรรหุ้นในครั้งนี้ จะสามารถเข้าลงทุนหลังจาก ETE เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรกไปแล้ว เนื่องจากหลังการระดมทุน ETE จะมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตให้กับ ETE ในอนาคต
“จากความต้องการของนักลงทุนที่สูงในช่วงจองซื้อที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของ ETE ที่มีต่อนักลงทุน ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนของนักลงทุน เพราะในระยะกลาง และระยะยาว ETE จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตที่น่าสนใจ ตามศักยภาพการขยายตัวของธุรกิจที่สูงขึ้นในอนาคต”
ด้าน นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ETE กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจหลักๆ ใน 3 ลักษณะประกอบไปด้วย 1.ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการ (Management Service หรือ MS) แบ่งเป็นงานบริหารจัดการบุคลากร (Manpower Management หรือ MM) และงานบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ (Business Process Outsourcing หรือ BPO) และงานบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ (Car Rental management หรือ CM) 2.ธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรม (Engineering Service หรือ EN) ประกอบด้วยงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า (Electrical Power Engineering System หรือ EE) และงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม (Telecommunication Engineering System หรือ TL) 3.ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy หรือ SE) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16.47 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเมืองตราด จำกัด อ.เมือง จ.ตราด กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 2.สหกรณ์การเกษตรวัฒนานคร จำกัด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 3.สหกรณ์การเกษตรบางสะพานน้อย จำกัด อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 4.สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ คลองน้ำใส จำกัด อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 1.47 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ 4 โครงการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยมีอายุของสัญญาซื้อขายไฟ 25 ปี นอกจากนี้ ETE ยังมีบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท อีทีอี เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ ETEM มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริการบริหารจัดการ และธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.27 และบริษัท ไทย สปีดี้เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ TSDM มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ
“เรามีความมั่นใจในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จากการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน แกนนำการจัดจำหน่าย และผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น ตั้งแต่การเดินสายให้ข้อมูลจนถึงการจองซื้อที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ ETE ซึ่งหลังจากนี้จะถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร และทีมงานที่จะต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้ธุรกิจของ ETE เติบโตได้อย่างมั่นคง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต”
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งหมด 1,143.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.78 ล้านบาท และผลประกอบการในปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งหมด 1,594.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.64 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน ประจำปี 2559 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งหมด 1,061.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.36 ล้านบาท