SCG เชื่อสัญญาบวกเศรษฐกิจ จากลงทุนภาครัฐ ราคาสินค้าเกษตรขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม หนุนตลาดวัสดุก่อสร้างโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี พร้อมเร่งจัดแคมเปญใหญ่ตลอดทั้งปีหวังกระตุ้นกำลังซื้อ ตั้งเป้าโต 1-3% จากปี 59 ที่มียอดขาย 1.7 แสนล้านบาท
นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี กล่าวว่า ในปี 2560 คาดว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโต 1-3 % จากมูลค่าตลาดรวม 4.5 แสนล้านบาท นับเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยมีปัจจัยบวกจาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่ การลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ ที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจคต์ ที่หลายโครงการเริ่มประมูลหาผู้รับเหมา บางโครงการเริ่มก่อสร้าง และยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลเตรียมอนุมัติ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนมีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมไปถึงภาคเอกชนที่ลงทุนรองรับโครงการของภาครัฐ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่รัฐบาลจ่ายเงินผ่านเข้าไปยังท้องถิ่นโดยตรงอีกด้วย
“การลงทุนตัดถนนแต่ละเส้นทางย่อมมีการเส้นทางใหม่ๆ จะเกิดการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆตามถนนสายใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการวัสดุก่อสร้างตามมา” นายนิธิกล่าว
นอกจากนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการลดลงของภาระหนี้ เช่นโครงการรถคันแรกที่งวดผ่อนชำระหมดในสิ้นปีที่ผ่านมาจึงคาดว่าในปีนี้ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น และปัจจัยบวกจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น อาทิ ยางพารา ปาล์ม อ้อย ส่งผลให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้จะเริ่มก่อสร้างบ้าน หรือปรับปรุงบ้านหากมีเงิน
จากการที่รัฐบาลได้มีการก่อสร้างโครงการต่างๆเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 10% ทำให้สัดส่วนรายได้ของเอสซีจีในปีนี้มีการปรับเปลี่ยน โดยงานโครงการภาครัฐจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 30% ในปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 33% ในปีนี้ ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเอสซีจีมีสัดส่วนรายได้จากตลาดที่อยู่อาศัย 50% และงานโครงการพาณิชย์ 17%
นายนิธิกล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดวัสดุดังกล่าวทำให้บริษัทเตรียมจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อตลอดทั้งปี รวมถึงการรุกตลาดอีคอมเมิร์ซ การเน้นโซลูชั่นของที่อยู่อาศัยที่สามารถวัดผลเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น ในงบการตลาด 200 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงตลาดประมาณ 1-3% เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มียอดขายประมาณ 170,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 110,000 ล้านบาท และยอดขายในต่างประเทศ 60,000 ล้านบาท
"สำหรับแคมเปญแรก "SCG Family Festival ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ลุ้นเที่ยวฟรี" จะนำวัสดุก่อสร้างที่ลูกค้านิยมซื้อเป็นคู่หรือระบบมาจัดเป็นชุดสินค้าราคาพิเศษ 5 เซ็ท อาทิ กระเบื้องหลังคาและอุปกรณ์หลังคา เซ็ทระบบหลังคา นอกจากลูกค้าจะซื้อสินค้าในราคาพิเศษแล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นทริปพิชิตแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ เอสซีจี โฮมโซลูชั่น ร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจีที่ร่วมรายการ" นายนิธิกล่าว
นอกจากการเดินหน้าจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในกลุ่มผู้บริโภค “เอสซีจี” ยังได้เตรียมเดินหน้าวิจัยและเปิดตัวนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต จึงเกิดเป็นเทคโนโลยีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแบบ “Performance Based” คือการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันเป็นระดับขั้น เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยเน้น Performance การอยู่อาศัย 3 ด้านหลัก ได้แก่ “Living Comfort Performance: การสร้างสภาวะอยู่สบาย” พัฒนาการอยู่อาศัยให้อยู่สบายมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน
สำหรับสภาวะอยู่สบายที่ดีประกอบไปด้วย บ้านที่มีอุณหภูมิภายในบ้านเหมาะสมไม่เกิดการกักเก็บความร้อน มีสภาพการระบายอากาศที่ดีทั้งหลัง เพื่อลดสภาวะความอบอ้าวและลดปัญหาอากาศไม่หมุนเวียน และไม่มีปัญหามลภาวะทางเสียงจากภายนอก โดยจะมี Performance ของเทคโนโลยีในแต่ละเรื่อง เพื่อสร้างสภาวะอยู่สบายภายในบ้านได้หลายระดับ เป็นต้น “Care Performance: เพื่อทุกเพศทุกวัยอยู่ร่วมกันได้” การพัฒนาโซลูชั่นที่จะสามารถตอบโจทย์สมาชิกทุกเพศ ทุกวัยภายในบ้าน ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยมีสุขภาพที่ดี ปลอดภัย และสะดวกสบาย และ “ECO Saving Performance: ลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัย” การพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบและวัสดุต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานสถาปนิก 60 ระหว่างวันที่ 2-7 พ.ค. นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี พร้อมเดินหน้าแนะนำสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันมีเอสซีจี โฮมโซลูชั่น จำนวน 41 สาขา สามารถมอบโซลูชั่นและบริการที่มีคุณภาพและครบวงจรที่สุดให้กับลูกค้า เพียงถือแบบก่อสร้างเข้ามารับคำปรึกษา ประมาณราคาวัสดุ ติดตั้งแบบครบวงจร และรับประกัน นอกจากนี้ยังมี เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความรู้ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนของการสร้างบ้าน เป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับที่อยู่อาศัย ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริงก่อนการตัดสินใจ และ SCG Authorized Dealer จำนวนกว่า 356 สาขา นอกจากนี้ยังเดินหน้ารุกช่องทางจำหน่ายอี-คอมเมิร์ซ ที่สะดวก รวดเร็ว และวางใจได้ โดยพัฒนาระบบการขายผ่านเว็บไซต์www.scgshoppingexperience.com ปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าบนเว็บกว่า 2,500 รายการ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าแลนด์สเคป และกลุ่มสินค้าเอสซีจี เอลเดอร์แคร์ โซลูชั่น
“จากกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดจนกิจกรรมการตลาดที่คำนึงลูกค้าเป็นหลัก เรามั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีในปีนี้เติบโต 1-3% ไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ดังที่กล่าวมา”นายนิธิ กล่าว
นอกจากภาคธุรกิจแล้ว ในด้านส่งเสริมสังคมทางเอสซีจีไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ โดยได้ให้ความช่วยเหลือใน 3 รูปแบบ คือการช่วยเหลือเร่งด่วน อาทิ มอบสุขากระดาษ ถุงยังชีพ อุปกรณ์กู้ภัยเบื้องต้น หินคลุก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์เพื่อนำไปถมพื้นที่ การช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยจัดพิมพ์คู่มือซ่อมบ้านสร้างสุข จำนวน 50,000 เล่ม แจกฟรีผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างโซนภาคใต้ นำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บ้านนาเปลี่ยน การช่วยเหลือซ่อมแซมด้านความเสียหาย มีการช่วยเหลือเรื่องสินค้าวัสดุก่อสร้างราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 30% ได้แก่ ปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ กระเบื้องหลังคา ฝา ฝ้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ก.พ. นี้ ทางเอสซีจี จะจัดงาน “เอสซีจี รวมพลังคืนสุขชาวใต้” โดยมีศูนย์กลางการจัดงานที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ภายในงานมีการระดมประชาชนจิตอาสา เครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและพนักงานเอสซีจีในภาคใต้ ร่วมลงพื้นที่ฟื้นฟูสถานที่ประสบภัย รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องการซ่อมแซมบ้านด้วยตนเอง แจกแบบบ้านอยู่กับน้ำเพื่อผู้ประสบภัยอีกด้วย