มาตรการกีดกันของ “ทรัมป์” ผลักดันราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม สร้างแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่้ยง เช่นเดียวกัยการเดินหน้าถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป ประเมินการลงทุนระยะสั้นยังมีโอกาส พร้อมเตือนระมัดระวังแรงเทขายที่เกิดขึ้นเสมอเมื่อราคาทองคำปรับเพิ่ม และควรติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างใกล้ชิด
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงสนับสนุนหลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการประกาศนโยบายกีดกันการเข้าประเทศของผู้อพยพชาติมุสลิม 7 ชาติ สถานการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น ส่อเค้าไปถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับโลกมุสลิม ส่งผลให้มีแรงซื้อในทองคำ และมีแรงขายเกิดขึ้นในสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นไปตามที่ตลาดมีการคาดการณ์ไว้ โดยเฟดมีการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ทองคำเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา เนื่องจากมุมมองของเฟดยังมีทิศทาง และมุมมองต่อเศรษฐกิจในฝั่้งสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามที่เคยส่งสัญญาณเอาไว้ในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยยังต้องจับตา คือ การพิจารณาในส่วนของร่างกฏหมายกรณี Brexit ของอังกฤษ เนื่องจากสัปดาห์หน้าคาดว่า สภานิติบัญญัติอาจมีการอนุมัติกฏหมายดังกล่าว เพื่อเข้าสู่ขั้นตอน Brexit ในสัปดาห์นี้ โดยหากกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติ การแยกตัวออกจะเกิดขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงในสินทรัพย์เสี่ยง และจะกลับมาเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ซึ่งคาดการณ์ว่า จะไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาทองคำมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องจับตาท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ หลังจากที่ผ่านมา “ทรัมป์” ยังมีการโทรศัพท์ไปหารือ และพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆ
ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองคำทำราคาสูงสุดใหม่ แต่เมื่อราคาทองคำทำการดีดตัวขึ้น มักจะเห็นแรงเทขายทำกำไรในทองคำออกมา ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยเน้นการอ่อนตัวลงมาของราคาเมื่อมาอยู่ที่กรอบแนวรับด้านล่าง และขายทำกำไรออกมาเมื่อราคาดีดตัว โดยประเมินแนวรับที่ 1,205 เหรียญ/ออนซ์ และแนวรับสำคัญบริเวณ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่กรอบแนวต้านประเมินระยะสั้นที่ระดับ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ และหากผ่านไปได้ประเมินไว้ที่ 1,255 เหรียญ/ออนซ์
“ทั้งนี้ ในส่วนของการเข้าซื้อยังไม่แนะนำ เนื่องจากทิศทางค่าเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่้งที่ส่งผลเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศ โดยต้องเน้นการลงทุนระยะสั้น พร้อมกับจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด”