ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย เผยเตรียมใช้ระบบการชำระหลักทรัพย์ใหม่ภายในต้นปีหน้า ให้เทียบเท่าตลาดหุ้นหลักๆ ในต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนที่ขายหุ้นได้รับเงินเร็วขึ้น ส่วนรองผู้จัดการ สายงานการตลาด ชี้ต้นปีเดือนมกราคม เงินทุนใหลเข้าไทยต่อเนื่อง
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยเตรียมใช้ระบบการชำระราคา และซื้อขายหลักทรัพย์ในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ T+2 จากเดิมในวันที่ 3 ถัดจากวันซื้อขายหลักทรัพย์ (T+3) ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นระบบใหม่ ภายในต้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนที่ขายหุ้นได้รับเงินเร็วขึ้น อีกด้านหนึ่งนักลงทุนที่ซื้อหุ้นก็จะต้องชำระเงินเร็วขึ้น จากเดิมชำระในวันทำการที่ 3 ถัดจากวันซื้อหลักทรัพย์ เป็นวันทำการที่ 2 ถัดจากวันซื้อหลักทรัพย์ คือ ใช้เงินเท่าเดิม แต่สามารถลงทุนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการบริหารความเสี่ยงทั้งระบบ และปรับระยะเวลาชำระราคา และซื้อขายหลักทรัพย์ให้ตรงกับตลาดอื่นๆ ในโลก เช่น ตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคยุโรป ฮ่องกง ขณะที่ญี่ปุ่น เตรียมปรับเป็นทีบวกสอง ในไตรมาสที่ 2/2562 อินโดนีเซียจะปรับเป็น T+ 2 ในไตรมาสที่ 2/2560 ส่วนประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ยังไม่ได้ประกาศแผน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตลท.ได้ปรับโครงสร้างพื้นฐานภายใน เพื่อรองรับการชำระราคา และส่งมอบที่เร็วขึ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รอให้ ตลท.ปรับโครงสร้างพื้นฐานภายในให้แล้วเสร็จจะเร่งเดินหน้าปรับให้ระบบหลังบ้านรองรับกับการซื้อขายที่เปลี่ยนไป โดยได้จัดตั้งคณะทำงานที่รวมหน่วยงานต่างๆ เช่น สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อปรับการทำงาน กฎเกณฑ์ การดูแลความเสี่ยงให้สอดคล้องกับเวลาการชำระราคา และส่งมอบใหม่
ขณะที่นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวถึงภาวะการซื้อขายหุ้นไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า กระแสเงินทุนต่างชาติในขณะนี้มีทิศทางผันผวนทั่วโลก ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดทุน และเศรษฐกิจโลกในเดือนมกราคม มาจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แผนยุทธศาสตร์ของอังกฤษ หลังออกจาก EU และมาตรการส่งเสริมสภาพคล่องของจีน
ด้านตลาดหุ้นไทยยังเชื่อว่า มีความน่าสนใจลงทุน เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง รัฐบาลยังเร่งการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และบริษัทจดทะเบียนยังสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตเป็นสองหลักได้ จะทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยได้
ทั้งนี้ ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมกราคม 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,577.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.2% จากสิ้นปี 59 ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนมกราคม อยู่ที่ 15.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.25% จากสิ้นปี 59 ขณะที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ในเดือนมกราคม รวมอยู่ที่ 58,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.64% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดย Forward P/E ของ SET อยู่ที่ 14.66 เท่า และ mai อยู่ที่ 37.72 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับราคาไม่แพง โดยอัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 3.07% และ mai อยู่ที่ 1.41%
ด้านมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม SET และ mai อยู่ที่ 58,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.64% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิอยู่ที่ 6,197 ล้านบาท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 311,200 สัญญา เพิ่มขึ้น 9.12% เมื่อเทียบกับปี 2559