xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” ปลุก “รสก.” เร่งอัดงบลงทุนเพื่อเป็นแกนขับเคลื่อนหลักของประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รองนายกฯ “สมคิด” มอบนโยบาย “รสก.” เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน หวังช่วยขับเคลื่อนการลงทุนในภาพรวมของประเทศ ขณะที่คลังคาดเปิดขายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ พ.ค.-มิ.ย.นี้ วงเงิน 4-5 หมื่นล้านบาท

การสัมมนารวมพลังวิสาหกิจ (รสก.) ให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายสมคิด มอบนโยบายให้ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจในเรื่องของการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย จัดทำแผนรัฐวิสาหกิจทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดยให้นำกรอบยุทธศาตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ไทยแลนด์ 4.0 มาจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจ สนับสนุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ SOE CEO Forum โดยระบุว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนปิดไม่จำกัดอายุกองทุน โดยเสนอขายนักลงทุนสถาบันทั้งภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงประชาชนทั่วไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายกองทุนเป็นครั้งแรกช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ซึ่งจะระดมทุนก้อนแรกประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เบื้องต้นโครงการที่จะนำมาแปลงเป็นหน่วยลงทุน คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเส้นทางที่จะนำเข้ามาแปลงเป็นหน่วยลงทุน ส่วนบริษัทอื่นๆ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถนำโรงไฟฟ้า หรือสายส่งมาเข้ากองทุนได้เช่นเดียวกัน เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโครงการต่างๆ เป็นต้น

“เบื้องต้นจะมีโครงการของ กทพ. เข้ากองทุนฯ ก่อน ซึ่งจะระดมทุนประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปก่อน และคนที่มาจองจะต้องได้ทั้งหมดทุกคน ส่วนผลตอบแทนยังไม่ได้ระบุว่า จะต้องได้เท่าไหร่ แต่ที่คุยกันก่อนหน้านี้ คือ ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 7-8 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อยู่ในระดับต่ำ และกองทุนฯ นี้ค่อนข้างปลอดภัย”

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ กทพ.จะพิจารณาเลือกเส้นทาง เบื้องต้น 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.เอกมัย-รามอินทรา 2.ทางพิเศษบูรพาวิถี 3.ดาวคะนอง ต่อวงแหวนรอบนอก ซึ่งเมื่อดูการจราจรแล้วพบว่า อัตราผลตอบแทนค่อนข้างดี

สำหรับหลักการนั้น ยกตัวอย่างเช่น ใน 1 ปี กทพ.มีรายได้จากโครงการดังกล่าว 100 ล้านบาท จะเลือกร้อยละ 40-60 มาขายให้กับนักลงทุน เช่น 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 40 วงเงินประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท เพื่อเอาเงินที่ได้จากการขายให้ กทพ.ไปลงทุนต่อ ซึ่งการขายจะใช้หลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“เมื่อประชุม และคัดเลือกเส้นทางได้แล้ว จะส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนส่งให้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และเสนอให้ ครม.อนุมัติ ก่อนยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต. คาดว่าจะประมาณเดือนมีนาคม 2560 ตามแผนเดิม และเสนอขายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ส่วนผลตอบแทนประเมินจากการเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งเห็นจากโครงการอยู่ที่ร้อยละ 7-8 ถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก การระดมเงินที่ได้ก็จะให้กับ กทพ.ทั้งหมด เพื่อนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อ” นายเอกนิติ กล่าว

ส่วนเงินระดมทุนที่ได้ของ กทพ.นั้น คาดว่าจะนำไปสร้างโครงการอื่นๆ ต่อ โดยคาดว่าจะให้ ครม.อนุมัติเร็วๆ นี้ คือ เส้นทางพระราม 3-ดาวคะนอง และเส้นทางเกษตรนวมินทร์
กำลังโหลดความคิดเห็น