หุ้นบริษัท หลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน)หรือ”อีเอ” ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกในสภาพที่สะบักสะบอม เพราะราคารูดลงอย่างหนัก ทำเอานักลงทุนที่แห่เข้าดักเก็งกำไรเจ็บตัวตามๆกัน
“อีเอ”เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2556 หลังจากนำหุ้นกระจายสู่ประชาชนในราคาหุ้นละ5.50 บาท จากราคาพาร์10 สตางค์ โดยเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทนที่ สามารถรักษาอัตราเติบโตของผลประกอบการอย่างคงเส้นคงวา
และกลายเป็นหุ้นพลังงานทดแทนตัวใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งในหุ้นกลุ่มเดียวกัน
ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์ ขอนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จากเดิมเป็นหุ้นจดทะเบียนซื้อขายในตลาดใหม่ และได้รับอนุมัติเข้าย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
แต่ก่อนจะเข้ามาซื้อขายเพียงไม่กี่วัน มีข่าวร้ายเข้ามากระทบ โดยบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่ง”อีเอ”ถือหุ้น 100% ถูกศาลปกครองสูงสุดสั่งยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่สปก. เพื่อติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อมูลจากกรมธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท เทพสถิตฯ มีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท แต่ลงทุนในโครงการไปแล้วประมาณ15,000 ล้านบาท
คำสั่งยกเลิกสัญญาเช่าที่สปก.ที่อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิของบริษัท เทพสถิตฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ”อีเอ” ทำให้ นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ ออกคำชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ทันที ระบุว่า บริษัทฯถือหุ้นบริษัท เทพสถิตฯ100% โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 1 บาท เมื่อปี2555
และโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าที่อำเภอเทพสถิต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมของบริษัท โดยโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมที่จังหวัดชัยภูมิ บริษัทได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว และยังไม่ได้รับแจ้งจากสปก.ว่า ที่ดินที่ทำสัญญาเช่านั้น มีปัญหาหรือข้อกฎหมายแต่ประการใด
ข่าวบริษัทลูกถูกศาลสั่งยกเลิกสัญญาเช่าที่ สปก. จะเป็นข่าวร้ายที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก พากันเทขายหุ้น จน “อีเอ”ถูกทุบเดี้ยง เสียฤกษ์การยกชั้นขึ้นไป “เทรด”ในกระดานหลักหรือไม่
หรือราคาที่ทรุดลง เป็นเพราะก่อนหน้า ราคาหุ้นขึ้นไปรอรับข่าวการขึ้นชั้นเป็นหุ้นที่เคาะในกระดานหลักแล้ว เมื่อถึงวันที่เคาะในกระดานหลักจริง นักลงทุนจึงชิงทุบขายทำกำไร
ประเดิมวันแรกการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ “อีเอ”จึงรูดหนัก ราคาทรุด 3.30 บาท หรือลดลง12.45% ถอยลงมายืนที่23.20บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
“อีเอ”เป็นอีกหนึ่งหุ้นร้อน มีข่าวดีสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีโครงการลงทุนใหม่ๆไม่ขาดสาย โดยราคาอยู่ยงคงกะพันระหว่างประมาณ20-30บาทมาเป็นแรมปี
ต้องยอมรับในฝีมือ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่”อีเอ” เพราะสามารถปั้นหุ้นตัวนี้ จนเป็นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มพลังงานทดแทนได้
หลังจากเคยปั้นบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จนเป็นโบรกเกอร์อันดับหนึ่งมาแล้ว ระหว่างปี2543-2544 โดยเปิดสงครามค่านายหน้าซื้อขายหุ้นศูนย์เปอร์เซ็นต์ หรือสั่งซื้อขายหุ้นโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแม้แต่สตางค์เดียว เพื่อชิงฐานลูกค้านักลงทุน
อย่างไรก็ตาม แม้หุ้น “อีเอ”จะมีฐานราคาที่แข็ง แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้แกร่งเสียทีเดียว เพราะค่าพี/อี เรโช หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นสูงกว่า 32 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือยิลด์ไม่ถึง1%
หุ้นตัวนี้ ยังไม่ได้สร้างความเสียหายขั้นยับเยินให้ใคร เพียงแต่ราคาผูกติดกับความคาดหมายอนาคตมากไปนิด ซึ่งหากผลกำไรในอนาคตไม่เป็นไปตามความคาดหมาย นักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไรอาจเหนื่อย เพราะต้องแบกต้นทุนราคาหุ้นแพงๆ
เช่นเดียวกับนักลงทุนที่หลงผิด คิดว่า เมื่อเคาะในกระดานหลักวันแรก หุ้น”อีเอ”จะพุ่งทะยาน จึงแห่เข้าไปไล่หุ้นเก็บตุนไว้
แต่ “อีเอ”กลับเดี้ยง นักเก็งกำไรประเภทเสือปืนไว จึง “ติดกับ”กันเป็นแถว และจะเป็นอีกบทเรียนที่ต้องจดจำไว้
การเปลี่ยนจากหุ้นเอ็มเอไอเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากการย้ายกระดานซื้อขายธรรมดาๆ อย่าได้ริเก็งกำไร