“คลัง” แจงการต่อสัญญา “เอ็น.ซี.ซี” พัฒนาโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นไปตามสัญญาเดิม ยอมรับ หากรัฐยกเลิกอาจถูกฟ้องร้องได้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีต่อสัญญาพัฒนาโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ให้กับบริษัท เอ็น.ซี.ซี แมเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ เอ็น.ซี.ซี ว่า เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ในสัญญาเดิมมีการกำหนดโครงการให้ เอ็น.ซี.ซี เข้ามาพัฒนา เนื่องจากในสัญญากำหนดว่า หากบริษัทไม่ได้กระทำความผิด รัฐบาลไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ และจะเสี่ยงต่อการถูกเอกชนฟ้องร้องจนเกิดความเสียหาย รัฐบาลเห็นว่า การเดินหน้าเจรจาต่อสัญญาจะทำให้รัฐได้ประโยชน์มากกว่า และปัญหาเกิดขึ้นมาจากการปรับผังเมืองใหม่ ไม่ใช่มาจากเอกชน จึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาที่ดินดังกล่าวเป็นโรงแรมอาคารสูงตามสัญญาได้ ดังนั้น ในร่างสัญญาใหม่ที่กรมธนารักษ์จะทำ ต้องมีการแก้ไขใหม่ โดยห้ามระบุว่า หากไม่ใช่ความผิดเอกชนจะยกเลิกสัญญาไม่ได้ เพราะสัญญาทุกฉบับที่กรมธนารักษ์ทำไว้ ระบุข้อความดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาติดขัด
ส่วนการที่รัฐบาลขยายระยะเวลาสัญญาให้ภาคเอกชนจาก 30 ปี เป็น 50 ปีนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อเป็นการจูงใจให้เอกชนลงทุนพัฒนา เพราะโครงการพัฒนาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 60,000 ล้านบาท หากพิจารณาผลตอบแทนระยะเวลา 30 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 4 แต่หากเทียบกับระยะเวลา 50 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 6 ซึ่งเอกชนจะให้ความสนใจมากกว่า โดยรัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุน แต่จะได้ศูนย์ประชุมแห่งใหม่ที่รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ