xs
xsm
sm
md
lg

เผยปี 60 ตลาดตราสารหนี้ไทยยังเติบโตสูง เอกชนแห่ระดมทุนรับ ศก.ฟื้นตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.เอเซีย พลัส คว้ารางวัลบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชน (Top Underwriting Securities Firm) ปี 59 จากการเป็น บล.ที่อันเดอไรเตอร์หุ้นกู้ภาคเอกชนมูลค่ารวมสูงสุด พร้อมมั่นใจว่า ปี 60 ตลาดตราสารหนี้จะยังเติบโตมาก จากความต้องการระดมทุนของเอกชน เพื่อขยายธุรกิจ รองรับ ศก.ฟื้นตัว

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASP และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เอเซีย พสัสได้รับรางวัล Top Underwriting Securities Firm ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพราะนอกจากรางวัลจะเป็นความภาคภูมิใจในผลงานของบริษัทแล้ว เอเซีย พลัส ยังได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ด้วย

“ตราสารหนี้เป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญสำหรับเอกชนที่ต้องการเงินทุนไปใช้ขยายธุรกิจปีที่ผ่านมา เอเซีย พลัส เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำอันเดอไรเตอร์หุ้นกู้มากที่สุดในปีนี้ก็เช่นกัน เรามองว่า ความต้องการออกหุ้นกู้ของเอกชนจะมีมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

ในปี 2559 เอเซีย พลัส เป็นอันเดอร์ไรเตอร์หุ้นกู้ที่จดทะเบียนในตลาดตราสารหนี้ (ThaiBMA) มูลค่าราว 2.3 หมื่นล้านบาท เทียบกับหุ้นกู้ทั้งหมดที่มีมูลค่ารวม 5.7 แสนล้านบาท

ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่า หากนับรวมตราสารหนี้ ทั้งที่ขึ้นทะเบียน และไม่ได้ขึ้นทะเบียนใน ThaiBMA แล้ว เอเซีย พลัส เป็นอันเดอไรเตอร์ตราสารหนี้ทั้งหมดมูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ 4 หมื่นล้านบาท และตั๋วบีอี 8 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของตั๋วบีอี ปีที่ผ่านมา ออกกันมาก เนื่องจากเอกชนต้องการเงินไปใช้ขยายธุรกิจ และการออกทำได้รวดเร็ว รวมทั้งเป็นการกระจายการระดมทุนที่นอกเหนือจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ทำให้เอกชนหันมาใช้การออกตั๋วบีอีควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเช่าซื้อ

สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในปี 2560 เชื่อว่า ยังเติบโตสูง จากความต้องการระดมทุนของภาคเอกชนที่มีมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเอเซีย พลัส ประเมินว่า จีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 3.5% ในปีนี้ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัว หลังจากที่ภาครัฐนำร่องการลงทุนไปแล้ว และออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เอกชนลงทุนด้วย

ดร.ก้องเกียรติ กล่าวถึง ความกังวลเรื่องตั๋วบีอีว่า ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นอยู่ในวงจำกัด เชื่อว่าไม่กระทบภาพรวมของตลาด และบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นอันเดอไรเตอร์มีขั้นตอนการพิจารณาที่เข้มงวดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน นโยบายของผู้บริหาร กระแสเงินสด และแนวโน้มธุรกิจ เป็นต้น

“ปัญหาของตั๋วบีอีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละราย และมีไม่มาก เชื่อว่าไม่กระทบตลาดรวม ปีนี้ทั้งหุ้นกู้ และตั๋วบีอี บริษัทต่างๆ ยังต้องการออกกันอีกมาก เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว การกรั่นกรองเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพเป็นหน้าที่สำคัญของอันเดอไรเตอร์” ดร.ก้องเกียรติ กล่าวย้ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น