คปภ.ลงดาบเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทน และนายหน้าประกันที่ทำผิด กม.จำนวนเกือบ 50 รายในปี 59 ซึ่งมีทั้งการไม่นำเบี้ยประกันส่งบริษัท และการปลอมลายมือชื่อผู้เอาประกันภัย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของตัวแทน และนายหน้าประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเสนอขายจนถึงการให้บริการหลังการขาย รวมถึงมีการอบรม การสอบ การขอต่ออายุ เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทน และนายหน้าประกันภัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้เอาประกันภัยไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ สำนักงาน คปภ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ และพิจารณาลงโทษอย่างเคร่งครัด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4/59 (1 ต.ค.-31 ธ.ค.) นายทะเบียนได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทน และนายหน้าประกันภัย รวม 4 ราย อาศัยอำนาจตาม ข้อ 6 (4) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการประกาศ หรือโฆษณาการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต พ.ศ. 2556 จึงขอประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าว และการกระทำที่เป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยมีตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 3 ราย และนายหน้าประกันชีวิต จำนวน 1 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทั้ง 4 ราย จะไม่สามารถกระทำการเป็นตัวแทน และนายหน้าประกันภัย หรือขอรับใบอนุญาตใหม่ได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนสาเหตุของการกระทำความผิดของบุคคลทั้ง 4 รายที่นำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตในครั้งนี้เกิดขึ้นใน 2 ลักษณะ คือ ได้รับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่มิได้นำเงินค่าเบี้ยประกันภัยส่งให้บริษัท และกระทำการชี้ช่องให้ผู้เอาประกันภัยทราบว่า หากสะสมเงินผ่านบัตรเครดิตครบ 12 รอบบิล จะจ่ายเงินคืนเข้าบัตรเครดิต โดยมิได้อธิบายให้ชัดแจ้งว่า เป็นการเสนอขายกรมธรรม์ประกันชีวิต
จากสถิติของปี 59 (ม.ค.-ธ.ค.) นายทะเบียนได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันภัยทั้งสิ้นรวม 47 ราย แยกเป็นตัวแทนประกันชีวิต 36 ราย นายหน้าประกันวินาศภัย 9 ราย และนิติบุคคล 2 ราย โดยลักษณะของการกระทำความผิดจนนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาต 5 อันดับแรก คือ ได้รับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่มิได้แจ้งขอเอาประกัน และนำเงินค่าเบี้ยประกันภัยส่งให้บริษัท, กระทำการทุจริตการสอบ โดยสวมสิทธิเข้าสอบความรู้ เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต, ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย โดยไม่มีใบอนุญาตเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันภัย, กระทำการชี้ช่อง ชักชวน ให้ผู้เอาประกันภัยทำสัญญาประกันภัยโดยมิได้อธิบายเงื่อนไขให้ชัดแจ้ง และกระทำการปลอมลายมือชื่อผู้เอาประกันภัย และแก้ไขข้อมูลของผู้ประกันภัย
อนึ่ง สำนักงาน คปภ.อยู่ระหว่างการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกันชีวิต และ พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยจะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งมีบทกำหนดโทษทางอาญาทั้งจำคุก และปรับด้วย ทั้งนี้ ในอนาคต หากตัวแทน และนายหน้าประกันภัยกระทำผิด นอกจากจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ถ้าการกระทำเข้าองค์ประกอบความผิดเรื่องการฉ้อฉลประกันภัย ก็อาจถูกดำเนินคดีจนถึงขั้นจำคุก และปรับอีกด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของตัวแทน และนายหน้าประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเสนอขายจนถึงการให้บริการหลังการขาย รวมถึงมีการอบรม การสอบ การขอต่ออายุ เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทน และนายหน้าประกันภัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้เอาประกันภัยไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ สำนักงาน คปภ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ และพิจารณาลงโทษอย่างเคร่งครัด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4/59 (1 ต.ค.-31 ธ.ค.) นายทะเบียนได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทน และนายหน้าประกันภัย รวม 4 ราย อาศัยอำนาจตาม ข้อ 6 (4) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการประกาศ หรือโฆษณาการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต พ.ศ. 2556 จึงขอประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าว และการกระทำที่เป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยมีตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 3 ราย และนายหน้าประกันชีวิต จำนวน 1 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทั้ง 4 ราย จะไม่สามารถกระทำการเป็นตัวแทน และนายหน้าประกันภัย หรือขอรับใบอนุญาตใหม่ได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนสาเหตุของการกระทำความผิดของบุคคลทั้ง 4 รายที่นำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตในครั้งนี้เกิดขึ้นใน 2 ลักษณะ คือ ได้รับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่มิได้นำเงินค่าเบี้ยประกันภัยส่งให้บริษัท และกระทำการชี้ช่องให้ผู้เอาประกันภัยทราบว่า หากสะสมเงินผ่านบัตรเครดิตครบ 12 รอบบิล จะจ่ายเงินคืนเข้าบัตรเครดิต โดยมิได้อธิบายให้ชัดแจ้งว่า เป็นการเสนอขายกรมธรรม์ประกันชีวิต
จากสถิติของปี 59 (ม.ค.-ธ.ค.) นายทะเบียนได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันภัยทั้งสิ้นรวม 47 ราย แยกเป็นตัวแทนประกันชีวิต 36 ราย นายหน้าประกันวินาศภัย 9 ราย และนิติบุคคล 2 ราย โดยลักษณะของการกระทำความผิดจนนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาต 5 อันดับแรก คือ ได้รับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่มิได้แจ้งขอเอาประกัน และนำเงินค่าเบี้ยประกันภัยส่งให้บริษัท, กระทำการทุจริตการสอบ โดยสวมสิทธิเข้าสอบความรู้ เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต, ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย โดยไม่มีใบอนุญาตเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันภัย, กระทำการชี้ช่อง ชักชวน ให้ผู้เอาประกันภัยทำสัญญาประกันภัยโดยมิได้อธิบายเงื่อนไขให้ชัดแจ้ง และกระทำการปลอมลายมือชื่อผู้เอาประกันภัย และแก้ไขข้อมูลของผู้ประกันภัย
อนึ่ง สำนักงาน คปภ.อยู่ระหว่างการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกันชีวิต และ พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยจะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งมีบทกำหนดโทษทางอาญาทั้งจำคุก และปรับด้วย ทั้งนี้ ในอนาคต หากตัวแทน และนายหน้าประกันภัยกระทำผิด นอกจากจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ถ้าการกระทำเข้าองค์ประกอบความผิดเรื่องการฉ้อฉลประกันภัย ก็อาจถูกดำเนินคดีจนถึงขั้นจำคุก และปรับอีกด้วย