ก.ล.ต.กดดันตลาดหลักทรัพย์ ยกเครื่องกฎเกณฑ์พิจารณารับหุ้นใหม่ ป้องกันบริษัทเน่าเข้าจดทะเบียน สร้างความเสียหายนักลงทุน แก้เงื่อนไขหุ้นในข่ายอาจถูกเพิกถอน เร่งขั้นตอนตะเพิดพ้นตลาดหุ้น
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังพิจารณาปรับหลักเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ โดยจะเพิ่มเงื่อนไข และคุณสมบัติการเป็นเข้าบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นขึ้น เพื่อกลั่นกรองบริษัทที่มีคุณภาพให้นักลงทุน และป้องกันไม่ให้บริษัทไม่ดีเข้ามาในตลาดหุ้น ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้นักลงทุน ทำให้ประชาชนมองภาพพจน์ตลาดหุ้นในแง่ลบจนไม่กล้าเข้ามาลงทุน
แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฟ้นหุ้นใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น เกี่ยวข้องกับสองหน่วยงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งจะพิจารณาอนุมัตินำหุ้นเข้าซื้อขาย โดยทั้งสองหน่วยงานต้องร่วมมือกันปรับกฎเกณฑ์ให้เข้มงวดรัดกุม เพื่อสร้างระบบคัดกรองหุ้นใหม่ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มครองนักลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบริษัทด้อยคุณภาพ และไม่ควรได้รับอนุมัติการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ไม่ควรได้รับอนุมัติเป็นบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่แรก
“ก.ล.ต.ได้ส่งสัญญาณมาที่ตลาดหลักทรัพย์ ตั้งคำถามว่า ทำไมจึงปล่อยให้หุ้นไม่ดีเข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน ทำลายภาพลักษณ์การลงทุนในตลาดหุ้น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จึงเตรียมทบทวนหลักเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ ทั้งที่ ก.ล.ต.จะต้องปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติการนำหุ้นเสนอขายประชาชนด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นด่านแรกที่จะไม่ปล่อยให้หุ้นเน่าผ่านเข้ามา” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับนโยบายการรับหุ้นใหม่นั้น แหล่งข่าวชี้แจงว่า ก่อนหน้าตลาดหลักทรัพย์มักจะมุ่งไปด้านปริมาณ โดยพยายามเพิ่มจำนวนหุ้นใหม่ และวางเป้าหมายในสร้างมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม หรือมาร์เกตแคปให้เติบโต ทำให้มองข้ามด้านคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ทำให้เกิดปัญหาหุ้นขยะ หรือหุ้นที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปั่นหุ้น สร้างความเสียหายให้นักลงทุน ซึ่งแนวโน้มจะมีจำนวนมากขึ้น ทำให้ ก.ล.ต.กังวลในความเสียหายที่จะลุกลามในตลาดหุ้น
“ตลาดหลักทรัพย์ควรให้ความสำคัญในการปกป้องนักลงทุนมากกว่าการมุ่งสร้างตัวเลขการเติบโตของมาร์เกตแคป หรือจำนวนบริษัทจดทะเบียน เพื่อทำให้ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกของการลงทุนจริงๆ ไม่ใช่เข้ามาแล้วเกิดความเสียหายจนไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุน และการปรับหลักเกณฑ์การคัดกรองหุ้นใหม่ ทั้งตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ต้องกล้าที่จะตั้งกำแพงสกัดหุ้นเน่าไม่ให้เข้ามาในตลาดหุ้น” แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า จะมีการปรับหลักเกณฑ์ เพื่อเร่งกระบวนการเพิกถอนให้เร็วขึ้น เพราะการมีหุ้นที่ขาดคุณสมบัติการบริษัทจดทะเบียนมากเกินไป และต้องใช้เวลาฟื้นฟูการดำเนินงานยาวหลายปี จะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ตลาด และทำให้เกิดคำถามว่า ปล่อยหุ้นขยะเหล่านี้ไว้ทำไม ทำไมไม่ขับให้พ้นตลาดหุ้น
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังพิจารณาปรับหลักเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ โดยจะเพิ่มเงื่อนไข และคุณสมบัติการเป็นเข้าบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นขึ้น เพื่อกลั่นกรองบริษัทที่มีคุณภาพให้นักลงทุน และป้องกันไม่ให้บริษัทไม่ดีเข้ามาในตลาดหุ้น ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้นักลงทุน ทำให้ประชาชนมองภาพพจน์ตลาดหุ้นในแง่ลบจนไม่กล้าเข้ามาลงทุน
แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฟ้นหุ้นใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น เกี่ยวข้องกับสองหน่วยงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งจะพิจารณาอนุมัตินำหุ้นเข้าซื้อขาย โดยทั้งสองหน่วยงานต้องร่วมมือกันปรับกฎเกณฑ์ให้เข้มงวดรัดกุม เพื่อสร้างระบบคัดกรองหุ้นใหม่ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มครองนักลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบริษัทด้อยคุณภาพ และไม่ควรได้รับอนุมัติการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ไม่ควรได้รับอนุมัติเป็นบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่แรก
“ก.ล.ต.ได้ส่งสัญญาณมาที่ตลาดหลักทรัพย์ ตั้งคำถามว่า ทำไมจึงปล่อยให้หุ้นไม่ดีเข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน ทำลายภาพลักษณ์การลงทุนในตลาดหุ้น คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จึงเตรียมทบทวนหลักเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ ทั้งที่ ก.ล.ต.จะต้องปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติการนำหุ้นเสนอขายประชาชนด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นด่านแรกที่จะไม่ปล่อยให้หุ้นเน่าผ่านเข้ามา” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับนโยบายการรับหุ้นใหม่นั้น แหล่งข่าวชี้แจงว่า ก่อนหน้าตลาดหลักทรัพย์มักจะมุ่งไปด้านปริมาณ โดยพยายามเพิ่มจำนวนหุ้นใหม่ และวางเป้าหมายในสร้างมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม หรือมาร์เกตแคปให้เติบโต ทำให้มองข้ามด้านคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ทำให้เกิดปัญหาหุ้นขยะ หรือหุ้นที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปั่นหุ้น สร้างความเสียหายให้นักลงทุน ซึ่งแนวโน้มจะมีจำนวนมากขึ้น ทำให้ ก.ล.ต.กังวลในความเสียหายที่จะลุกลามในตลาดหุ้น
“ตลาดหลักทรัพย์ควรให้ความสำคัญในการปกป้องนักลงทุนมากกว่าการมุ่งสร้างตัวเลขการเติบโตของมาร์เกตแคป หรือจำนวนบริษัทจดทะเบียน เพื่อทำให้ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกของการลงทุนจริงๆ ไม่ใช่เข้ามาแล้วเกิดความเสียหายจนไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุน และการปรับหลักเกณฑ์การคัดกรองหุ้นใหม่ ทั้งตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ต้องกล้าที่จะตั้งกำแพงสกัดหุ้นเน่าไม่ให้เข้ามาในตลาดหุ้น” แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า จะมีการปรับหลักเกณฑ์ เพื่อเร่งกระบวนการเพิกถอนให้เร็วขึ้น เพราะการมีหุ้นที่ขาดคุณสมบัติการบริษัทจดทะเบียนมากเกินไป และต้องใช้เวลาฟื้นฟูการดำเนินงานยาวหลายปี จะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ตลาด และทำให้เกิดคำถามว่า ปล่อยหุ้นขยะเหล่านี้ไว้ทำไม ทำไมไม่ขับให้พ้นตลาดหุ้น