1 สัปดาห์ผ่านไปหลัง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ นับได้ว่ามีความเคลื่อนไหวทางด้านนโยบายต่างๆ มากพอสมควร ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดทองคำ ซึ่งวันนี้ทาง YLG ได้รวบรวมความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ ตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และผลกระทบจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวต่อราคาทองคำเพื่อให้นักลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการลงทุนทองคำ
นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเคลื่อนไหวดังนี้ 1.ลงนามในคำสั่งให้ถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ที่ครอบคลุมประเทศสมาชิก 12 ประเทศอย่างเป็นทางการ 2.จัดประชุมกับผู้บริหารของบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐฯ โดยอาจมีการลดกฎระเบียบต่างๆ ลงถึง 75% หรือมากกว่าเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ
3.ลงนามในคำสั่งเพื่อเดินหน้าการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล และท่อส่งน้ำมันดาโกต้า แอคเซสซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ผลิตน้ำมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งน้ำมันเข้าสู่ตลาด 4.เตรียมจะพบปะอย่างเป็นทางการกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเพื่อหารือกันในประเด็นข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ กิจการด้านธนาคาร และประเด็นแรงงานของทั้ง 2 ประเทศ 5.เชิญนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ให้เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและกลาโหม และล่าสุด สั่งให้มีการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก และลงโทษเมืองต่างๆ ที่ให้การคุ้มครองผู้อพยพอย่างผิดกฎหมาย
จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินหน้าทำตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และลงนามในคำสั่งหลายฉบับที่เอื้อต่อภาคธุรกิจนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น ส่งผลให้วันพุธที่ 25 ม.ค. ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดเหนือระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก ด้านดัชนี S&P500 และ NASDAQ ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน (Risk on) กระตุ้นแรงขายทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยนอกจากการปรับตัวลงของราคาทองคำแล้ว การลดการถือครองทองคำลงของกองทุน SPDR 3 วันทำการติดต่อกันหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เริ่มลดลงอีกครั้งในหมู่นักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ท่าทีในการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงสร้างความวิตกกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามการค้าโลก นอกจากนี้ ความวิตกในนโยบายต่างประเทศอันแข็งกร้าวของทรัมป์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับอีกหลายประเทศ ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญในวันพุธ ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาทองคำให้ปรับตัวลงไม่มากนัก ถึงแม้จะถูกแรงเทขายจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นก็ตาม
นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเคลื่อนไหวดังนี้ 1.ลงนามในคำสั่งให้ถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ที่ครอบคลุมประเทศสมาชิก 12 ประเทศอย่างเป็นทางการ 2.จัดประชุมกับผู้บริหารของบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐฯ โดยอาจมีการลดกฎระเบียบต่างๆ ลงถึง 75% หรือมากกว่าเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ
3.ลงนามในคำสั่งเพื่อเดินหน้าการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล และท่อส่งน้ำมันดาโกต้า แอคเซสซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ผลิตน้ำมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งน้ำมันเข้าสู่ตลาด 4.เตรียมจะพบปะอย่างเป็นทางการกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเพื่อหารือกันในประเด็นข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ กิจการด้านธนาคาร และประเด็นแรงงานของทั้ง 2 ประเทศ 5.เชิญนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ให้เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและกลาโหม และล่าสุด สั่งให้มีการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก และลงโทษเมืองต่างๆ ที่ให้การคุ้มครองผู้อพยพอย่างผิดกฎหมาย
จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินหน้าทำตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และลงนามในคำสั่งหลายฉบับที่เอื้อต่อภาคธุรกิจนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น ส่งผลให้วันพุธที่ 25 ม.ค. ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดเหนือระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก ด้านดัชนี S&P500 และ NASDAQ ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน (Risk on) กระตุ้นแรงขายทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยนอกจากการปรับตัวลงของราคาทองคำแล้ว การลดการถือครองทองคำลงของกองทุน SPDR 3 วันทำการติดต่อกันหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เริ่มลดลงอีกครั้งในหมู่นักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ท่าทีในการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงสร้างความวิตกกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามการค้าโลก นอกจากนี้ ความวิตกในนโยบายต่างประเทศอันแข็งกร้าวของทรัมป์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับอีกหลายประเทศ ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญในวันพุธ ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาทองคำให้ปรับตัวลงไม่มากนัก ถึงแม้จะถูกแรงเทขายจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นก็ตาม