เอพี จับมือทุนญี่ปุ่น “มิตซูบิชิ เอสเตท” ลุยต่อคอนโดฯ ปี 60 อย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท เชื่อมั่นตลาดคอนโดฯ เมืองไทยยังโตได้ จ่อหาผู้ร่วมทุนใหม่ลงทุนธุรกิจรีเทล อาคารสำนักงาน คาดสรุปผลภายใน 2 ปี
นายโชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย จำกัด บริษัทในเครือบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป หรือ MEC เปิดเผยว่า กลุ่มมิตซูบิชิ มีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ระยะยาว อาทิ รีเทล อาคารสำนักงานให้เช่า นอกเหนือจากการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ร่วมกับบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ เอพี ในปัจจุบัน โดยอยู่ระหว่างหาพันธมิตรผู้ร่วมทุนใหม่ เนื่องจากเอพี ไม่สนใจลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยคาดว่าจะสามารถลงทุนได้ภายใน 1-2 ปีนี้
“การลงทุนในต่างประเทศนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ การมีพันธมิตรที่ดี เนื่องจากในแต่ละพื้นที่แต่ละเมืองย่อมมีความแตกต่าง ซึ่งคนในพื้นที่จะเป็นคนรู้ดีที่สุด ส่วนการร่วมลงทุนกับเอพี ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา เอพีได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ไทยจะได้รับผลกระทบในหลายๆ ด้าน แต่ยังคงมียอดขาย และโอนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมิตซูบิชิฯ จะยังคงร่วมลงทุนกับเอพี ในตลาดคอนโดฯ ต่อไป ส่วนการลงทุนธุรกิจอื่นๆ ในไทยนั้น หากเอพี ไม่สนใจร่วมลงทุน ทางบริษัทจะหาพันธมิตรใหม่ เพราะเห็นว่า การลงทุนในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก” นายโชจิโร กล่าว
ด้าน นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ เอพี เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ต่อเนื่อง โดยลงทุนผ่านบริษัทร่วม “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 6,100 ล้านบาท โดยแผนลงทุนในปี 2560 ตั้งเป้าพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่าไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ ไลฟ์ วัน ไวร์เลส ตั้งบนถนนวิทยุ เป็นคอนโดมิเนียม 1 อาคาร จำนวน 1,300 ยูนิต มูลค่า 6,400 ล้านบาท และ 2.โครงการ ไลฟ์ ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม 2 อาคาร จำนวน 1,600 ยูนิต มูลค่า 7,600 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะลงทุนเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้ร่วมลงทุนกันพัฒนาแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 8 โครงการมียอดขายเฉลี่ยแล้วกว่า 85% และเมื่อรวมกับการลงทุนในปีนี้จะทำให้มูลค่าการลงทุนเป็น 47,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เอพี มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าประเภทแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท และทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท และสินค้าประเภทคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามียอดขายที่ 26,000 ล้านบาท และตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตในเชิงรายได้ที่ปีละ 15%
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 4 แห่งความร่วมมือ เอพียังคงเน้นการดำเนินกลยุทธ์ “AP Think Different” ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการทำธุรกิจของเอพี และยังจะได้นำมาใช้กับการยกระดับความร่วมมือระหว่างเอพี และ MEC ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
1.นวัตกรรมสเปซและเทคโนโลยี: เอพีมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างในเรื่องพื้นที่ใช้สอย พร้อมด้วยความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตภายในโครงการที่อยู่อาศัยแบรนด์เอพี ผ่านการผสานวิสัยทัศน์เรื่อง AP Digital Community ที่จะเข้ามาส่งเสริมให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโครงการเอพี ให้สะดวกสบาย ด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้แนวคิด IoT (Internet of Things) เข้ากับการออกแบบสเปซ จากวันนี้ไป การออกแบบสเปซจะไม่โฟกัสเฉพาะภายในยูนิตพักอาศัยเท่านั้น แต่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดของพื้นที่ที่อยู่นอกห้อง คอนโดใหม่ๆ ของเอพี จากนี้ไปจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เรานำเรื่อง IoT เข้ามาคิดร่วมในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางเยอะมาก เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคตของคนเมือง
2.องค์ความรู้และผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ: การแลกเปลี่ยน “เทคนิค” ต่างๆ ระหว่างเอพี และ MEC จะเป็นไปในทิศทางที่เจาะลึกมากยิ่งขึ้นในหลายระดับ หนึ่งในนั้น คือ การพัฒนา AP Check List ที่ร่วมกับทีมดีไซน์เนอร์ และทีมตรวจสอบคุณภาพงานจากทาง MEC ซึ่ง AP Check List จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมมาตรฐานในการพัฒนาโครงการที่เริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพงาน ซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆ นี้ รวมถึงการให้ความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการอบรมร่วมกับสถาบันเอพี อะคาเดมี่ สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในเมืองไทย และโปรแกรม “AP Open House” ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาฝึกงานของเอพี ได้มีโอกาสเรียนรู้ และได้ลงสนามจริงกับพันธมิตรชาวญี่ปุ่นด้วย ณ ประเทศญี่ปุ่น
3.คุณภาพชีวิต สังคมและชุมชน: การทำงานร่วมกันระหว่างเอพี และ MEC ใน “AP Design Lab” ไม่เพียงนำความแตกต่างมาสู่ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยของเอพี เท่านั้น แต่ยังได้ต่อยอดไปสู่การส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับสังคม และชุมชนอีกด้วย โดยหนึ่งในความสำเร็จที่นำความภาคภูมิใจมาให้เอพี และประเทศไทย คือ โครงการสนามฟุตบอล และสำหรับปีนี้ เอพี และ MEC ยังคงร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่นำมา ซึ่ง “การใช้ชีวิตคุณภาพ” ให้กับลูกบ้าน และสังคมภายนอกต่อไป