xs
xsm
sm
md
lg

“สิงห์” ประกาศแผนลงทุนปี 60 ทุ่ม 1.5 หมื่นล. ลุยอสังหา-รร.-ออฟฟิศเช่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นริศ เชยกลิ่น
“สิงห์ เอสเตท” เปิดแผนธุรกิจปี 60 ทุ่มงบ 15,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจ ที่อยู่อาศัย-โรงแรมสำนักงานเช่าพื้นที่ค้าปลีก เน้นการพัฒนาโครงการใหม่ เข้าซื้อกิจการ และการร่วมมือกับพันธมิตร พร้อมเปิดตัว 3 โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงแนวราบระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ มูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท แจงปี 59 รายได้ 9 เดือน 1,713 ล้านบาท วางเป้าปีนี้ยอดขาย 6,086 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 521%

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2560 ยังคงเน้นการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 2.ธุรกิจอาคารสำนักงานเช่าและพื้นที่ค้าปลีก และ 3.ธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้บริษัทมีงบในการลงทุนขยายงาน 3 ธุรกิจหลักประมาณ 14,355 ล้านบาท โดยยังใช้โมเดลธุรกิจเดิม คือ การการพัฒนาโครงการใหม่ เข้าซื้อกิจการ และการร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งในปีนี้สิงห์ฯ ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมมากสุด โดยมีสัดส่วนการลงทุน 65% หรือใช้งบลงทุน 9,232 ล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจที่อยู่ศัย ซึ่งมีสัดส่วนลงทุน 25% หรือใช้งบลงทุนประมาณ 3,647 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วนในการลงทุน 10% หรือใช้งบลงทุนประมาณ 1,476 ล้านบาท โดยงบลงทุนทั้ง 3 ส่วนอาจมีการปรับเพิ่ม-ลดลงตามสถานกาณ์ แต่จะอยู่ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะมีการซื้อโรงแรมในใหม่ในประเทศอังกฤษ เพิ่มอีก 3 แห่ง ซึ่งจะทำให้สิงห์ฯ มีพอร์ตโรงแรมในประเทศอังกฤษ และสก็อตแลนด์ ทั้งสิ้น 29 แห่ง หรือมีห้องพักให้บริการลูกค้ารวม 3,000 ห้อง จากปัจจุบันมีอยู่ 26 แห่ง หรือมีห้องพักโรงแรมให้บริการรวม 2,800 ห้อง และหลังจากนี้จะชะลอการเพิ่มพอร์ตโรงแรมในประเทศอังกฤษ แล้วหันมาเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย และในกลุ่มประเทศเอเชีย โดยวางสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไว้ที่ 75% จากโรงแรมในไทย และเอเชีย ส่วนรายได้จากโรงแรมในต่างประเทศ จะมีสัดส่วน 25%

ส่วนกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานเช่าและพื้นที่ค้าปลีก ยังเน้นการเข้าซื้ออาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มสำหนักงานเกรดเอ พรีเมียม และไลฟ์สไตล์รีเทล โดยปัจจุบัน สิงห์ฯ มีสำนักงานเช่าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ โครงการสิงห์คอมเพล็คซ์ ซึ่งงานก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 15% แล้วคาดว่า ในสิ้นปีนี้จะก่อสร้างในส่วนของอาคารสำนักงาน และส่งมอบแก่บริษัทบุญรอดฯ ได้ทั้งหมด ขณะที่อาคารซันทาวน์เวอร์ ขณะนี้เปิดให้ใช้พื้นที่แล้ว หลังรีโนเวตส่วนพื้นที่ซันพลาซ่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยในปีนี้ สิงห์ฯ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการ คือ คอนโดมิเนียม THE ESSE ในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ อโศก-เพชบุรี มูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวปลายไตรมาสแรกของปีนี้ โครงการสันติบุรี เรสซิเดนซ์ เลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา บ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรี่ ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท จำนวน 24 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 45-2-92ไร่ มูลค่าขายรวม 5,000 ล้านบาท จะเปิดตัวไตรมาส 4 และโครงการซูเปอร์ลักชัวรี่คอนโด บนถนนสุขุมวิท 36 ติดบนพื้นที่โครงการ 2-2-0 ไร่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 4 เช่นกัน

ขณะที่ บริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัทเนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท โดยจะเน้นจับตลาดกลาง-บน ราคา 8-10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบริษัท ไดอิ จำกัด ซึ่งเชี่ยวชาญธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้จะมีการเพิ่มแบบบ้านใหม่ 5 แบบ เพื่อตอบรับความต้องการลูกค้าใหม้มากขึ้น

นายนริศ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายด้านยอดขายแ ละรายได้ของกลุ่มสิงห์ฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อให้มีรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2563 โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่า จะมียอดขายรวม 6,086 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 กว่า 521% สำหรับปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม ณ 9 เดือน อยู่ที่ 1,713 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 กว่า 273 ล้านบาท หรือเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 19% โดยเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย 32% เป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 445 ล้านบาท 25% เป็นรายได้จากกลุ่มโรงแรม 43% โดยมีกำไรสุทธิรวมที่ 561 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 717%



กำลังโหลดความคิดเห็น