โนเบิลแย้มแผนลงทุนปี 60 เปิดอย่างน้อย 2 โครงการใหม่ จับกลางกลาง-บน เผยเก็บดาวน์สูงกว่า 20% ไม่มียอดรีเจค พร้อมโชว์ “โนเบิล เพลินจิต” ใช้เวลาสร้าง 7 ปี ปัจจุบันราคาพุ่ง 2.7 แสนบาท/ตร.ม. จากช่วงเปิดตัว 1.4 แสนบาท/ตร.ม.กวาดยอดขายแล้ว 60%
นายศิระ อุดล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ NOBLE กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่มากกว่า 2 โครงการ เนื่องจากเชื่อว่าภาพร่วมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมูลค่าที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก่อนที่ราคาจะเพิ่มขึ้นไปสูงมากกว่าในปัจจุบัน โดยทำเลที่ยังมีความโดดเด่นในปีนี้ยังเป็นทำเลในกรุงเทพฯชั้นในที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ เพราะเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมที่เพียบพร้อม
“แนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทฯในปีนี้ ยังเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน เป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่าลุ่มลูกค้าระดับล่าง โดยปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯไม่มีการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินเลย เพราะที่ผ่านมาจะให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 20% ของราคาขาย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อของลูกค้า”นายศิริ กล่าว
ด้านกลยุทธ์การตลาดในปีนี้บริษัทจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการของบริษัทฯ ก่อนที่จะนำโครงการไปเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ จากที่ผ่านมาไม่เคยนำโครงการไปโรดโชว์ในต่างประเทศและไม่เคยตั้งเอเยนซี่ขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติมาก่อน ที่ผ่านลูกค้าต่างชาติจะเข้าซื้อห้องชุดด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” ที่ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอน โดยเปิดขายครั้งแรกเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ในราคา 140,000 บาท/ตารางเมตร หรือ7 ล้านบาทขึ้นไป/ยูนิต มูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ทั้งหมด 4 อาคาร อาคาร A สูง 14 ชั้น อาคารB สูง 51 ชั้น อาคารCสูง 45 ชั้น และอาคารDสูง 25 เมตร พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 44-178 ตารางเมตร ราคา 12.9-30 ล้านบาท จำนวน 1,444 ยูนิต ปัจจุบันปรับราคาขายขึ้นมาสูงถึง 270,000 บาท/ตารางเมตร หรือราคา 12.9 ล้านบาท/ยูนิต และมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นมาที่ 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% และมียอดโอนแล้ว 40%