ทองคำได้รับปัจจัยบวกทั้งจากอเมริกา และยุโรป หลังถ้อยแถลงว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ยังไม่พูดถึงนโยบายทางการคลัง และทางอังกฤษยังยืนยันการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป จับตัวการรายงานภาวะเงินเฟ้อ และรายงานเศรษฐกิจจะช่วยกำหนดทิศทางราคาทองคำในอนาคต ประเมินระยะสั้นยังสามารถขายทำกำไร และรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวได้
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยบวกในหลายทิศทาง เช่น การออกมาส่งสัญญาณการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป (Brexit) ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่แข็งกร้าว ส่งผลให้เกิดความผันผวน และความวิตกกังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะกระทบต่อเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซน หากอังกฤษมีการถอนตัวออกอย่างฉับพลัน ทำให้กระตุ้นราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่การแถลงการของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในครั้งแรกแต่ไม่มีการพูดนโยบายเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน จนเกิดแรงขายในดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงของ “เจเน็ต เยลเลน” ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่บ่งชี้ถึงทิศทางเศรษฐกิจในระยะสั้นที่แข็งแกร่ง และไม่มีปัจจัยเสี่ยง ถือเป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดความร้อนแรงลง
โดยปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตา มองไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งถือเป็นตัวเลขมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งเฟดจะใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ จะมีการเปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจที่จัดทำขึ้นโดยเฟด อีกทั้งจะมีการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ซึ่งจะสะท้อนทิศทางเศรษฐกิจในฝรั่งสหรัฐฯ ได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลในประเทศ หรือจีดีพีในฝั่งจีน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในฝั่งสหรัฐฯ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรในทองคำมากขึ้น ดังนั้น ควรรอการอ่อนตัวลงมาของราคาทองคำเพื่อเข้าซื้อ และทำกำไรระะยสั้นจากการอ่อนตัวอีกครั้ง
โดยแนะนำให้จับตาโซนแนวรับ 1,180-1,171 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาย่อตัวลงมาแล้วไม่หลุด แนะนำให้เข้าลงทุน หรือเปิดสถานะซื้อเพื่อรอทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัว ส่วนแนวต้านประเมินทื่1,223-1,233 เหรียญ/ออนซ์ หากราคามีการขยับขึ้นเชื่อว่าจะมีแรงเทขายเข้ามากดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวอีกครั้ง
“หากนักลงทุนมีการถือครองทองคำในระดับต้นทุนที่ต่ำ สามารถถือครองต่อเนื่องได้ เพราะยังไม่มีปัจจัยลบที่เข้ามากดดันต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นมากนัก”