xs
xsm
sm
md
lg

2 ยักษ์ใหญ่ตระกูล “อัศวโภคิน” LH-AP ประกาศแผนลงทุนอสังหาฯปี 60 มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นพร สุนทรจิตต์เจริญ
2 ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ตระกูล “อัศวโภคิน” แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์-เอพี ประกาศแผนลงทุนอสังหาฯ ปี 60 แลนด์ฯ เปิด 12 โครงการ มูลค่า 1.49 หมื่นล้านบาท ด้านเอพี เปิด 20 โครงการ มูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้าน คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ชี้ซื้อที่ดินถูก-ตั้งราคาขาย โจทย์ยากผู้ประกอบการ

บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของตระกูล “อัศวโภคิน” ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ประกาศแผนลงทุนปี 2560

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มการเติบโตของจีดีพี ที่คาดว่า จะเติบโตในระดับ 3.5% โดยมีปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐ แม้จะยังไม่มีเงินเข้าสู่ระบบในทันที แต่การกำหนดเวลาเปิดประมูลจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนกล้าลงทุนล่วงหน้า ส่วนอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้น แต่ไม่สูงมากนัก ส่วนผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากต้นทุนก่อสร้างที่ยังทรงตัว

สำหรับปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือรีเจกต์ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เพราะปัจจุบัน สถาบันการเงินมีระดับหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะบ้านระดับราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท ที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดรีเจกต์ที่ 20%

นายนพร กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการในปีนี้ คือ ความสามารถในการซื้อที่ดินมาพัฒนา ซึ่งมีราคาปรับขึ้นสูงมากโดยเฉพาะที่ดินในเมืองราคาเฉลี่ยประมาณ 1.7-2.2 ล้านบาท/ตารางวา ทำให้ราคาคอนโดฯ กลางเมืองในปัจจุบันสูงถึง 3-5 แสนบาท/ตารางเมตร เมื่อต้นทุนของผู้ประกอบการเกือบจะเท่ากันทั้งหมด ดังนั้น ตัวชี้วัดความสามารถของผู้ประกอบการในปี 60 คือ การซื้อที่ดินในราคาที่ดีที่สุด และขายสินค้าในราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ส่วนแผนการลงทนในปี 60 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มากกว่าปี 2559 ที่เปิดตัว 10 โครงการ มูลค่า 18,590 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบมูลค่าโครงการแล้วจะน้อยกว่าปี 59 เพราะโครงการที่เปิดตัวในปี 60 จะเป็นขนาดโครงการเล็ก ในจำนวน 12 โครงการที่เปิดใหม่ดังกล่าวมี 4 โครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปี 59 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ได้แก่ โครงการ The Bangkok สุขุมวิท 38, โครงการมัณฑนา วงแหวน บางบอน, โครงการ North 6 เชียงใหม่ และ North7 เชียงใหม่ รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท

ตั้งเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรู้รายจากการโอนกรรมสิทธิ์ 31,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป
อดิศร ธนนันท์นราพูล
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ กล่าวว่า สำหรับงบลงทุนในปี 60 ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับซื้อที่ดินประมาณ 7,000 ล้านบาท และงบสำหรับลงทุนในอสังหาฯ เพื่อเช่า จำนวน 4,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนก่อสร้างโครงการเทอมินอล 21 พัทยา ซึ่งเป็นงานก่อสร้างต่อเนื่อง จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 และอีก 2,000 ล้านบาท เป็นงบสำหรับการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าอื่นๆ เข้ามา

โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการการลงทุนในประเทศไทยเป็นหลัก เนื่องจากในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการลงทุนไปในต่างประเทศค่อนข้างมาก โดยได้ซื้ออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกาเข้ามาใหม่ 2 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ทำให้ในปัจจุบัน บริษัทมีอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ 4 แห่ง จำนวน 900 ห้อง มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราเข้าพัก 90%

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ที่มีนโยบายให้เกิดการลงทุนภายในประเภท ซึ่งจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ความต้องการอพาร์ตเมนท์ก็จะเพิ่มขึ้นตาม รวมถึงนโยบายการลดภาษีจะส่งผลดีต่อการลงทุนของบริษัทมากขึ้น รวมถึงมูลค่าของอสังหาฯ ที่นั้นมีแนวโน้มปรับขึ้น 5-10% ต่อปี
อนุพงษ์ อัศวโภคิน
เอพีประกาศลงทุนเปิด 20 โครงการใหม่มูลค่า 3.5 หมื่นล้าน

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พื้นฐานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในวันนี้ไม่ได้แย่มาก แม้ภาพรวมการเปิดตัวในช่วงปีที่ผ่านๆ มา จะติดลบก็ตาม วันนี้หลายๆ อย่างเริ่มมีความชัดเจนขึ้น กิจกรรมทางการตลาด และบรรยากาศในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติบ้างแล้ว และในปีนี้จะเห็นภาพการแข่งขันในกลุ่มสินค้าแนวราบมากขึ้น

สำหรับความท้าทายที่สำคัญของการทำธุรกิจจากนี้ไป คือ การสรรหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการในแพกเกจราคาขายที่สอดรับกับความสามารถของผู้บริโภค การขยายตัวของรถไฟฟ้าถือเป็นทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยเสี่ยงของภาคธุรกิจ ด้วยราคาต้นทุนที่ดินที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าผู้บริโภคจะตามทัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการเปิดตัวใหม่ของคอนโดมิเนียมในอนาคต

ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท โดยเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท, ทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น