เจมาร์ท เปิดแผนกลยุทธธุรกิจปี 2560 หลังผนึกกำลังร่วมกันของบริษัทในเครือทั้ง JMART-JMT-J และ SINGER พร้อมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ผันตัวเองเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ปั้น Jaymart Mobile เป็นบริษัทแกนหลักในการเติบโตผ่านช่องทางค้าปลีกที่มีอยู่ทั่วประเทศ เตรียมเสริมทัพธุรกิจฟินเทค โดย J Fintech และ J Ventures มั่นใจปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART กล่าวถึงแผนธุรกิจประจำปี 2560 ของกลุ่มบริษัทเจมาร์ท หลังจากการผนึกกำลังของบริษัทในเครือที่มีความแข็งแกร่งประสบความสำเร็จ และมั่นใจกลยุทธ์ Synergy รวมกันของบริษัทในกลุ่มเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น การผนึกกำลังต่อเนื่องในปีนี้ (Synergy Chapter II) จะเริ่มเห็นผลชัดเจน และสามารถสร้างผลการดำเนินการให้เติบโตอย่างโดดเด่น โดยในปีนี้จะเป็นอีกปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของเจมาร์ท จากการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ผันตัวเองเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และจะยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยการจัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นบริษัทแกนหลักในการเติบโตในธุรกิจค้าปลีก
พร้อมกันนี้บริษัทฯ เล็งเห็นเทรนด์แห่งอนาคตของอุตสาหกรรมการเงินไทยที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเสริมทัพธุรกิจค้าปลีกด้วยฟินเทค ภายใต้การบริหารของบริษัทในเครือ บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัปที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ ด้วยมองว่า ในอนาคตรูปแบบการทำธุรกิจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีทางการเงินที่ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งกลุ่มเจมาร์ท มีฐานข้อมูลลูกค้า ลูกหนี้ และช่องทางการจำหน่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งการนำเอาเทคโนโลยีฟินเทคเข้ามาในธุรกิจ ค้า ปลีก จะทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ แข็งแรงขึ้น
“ในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเจมาร์ท ได้มีการผนึกกำลังร่วมกันเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ในฐานะผู้นำช่องทางค้าปลีกที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยแต่ละส่วนธุรกิจสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ การผนึกกำลังครั้งนี้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้น และจะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าปีนี้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ โต 30% ขณะที่ใช้งบการลงทุนรวมทั้งกลุ่มราว 7,700 ล้านบาท”
ด้านนายดุสิต สุขุมวิทยา และนางสาวศุภมาศ ไข่แก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ได้กล่าวถึงแนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือในปีนี้ว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทสำคัญ ขณะที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้บริโภคต้องการใช้เครื่องที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น ราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ได้มีการออกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น และคาดว่า ในสิ้นปีนี้ตลาดรวมมือถือจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท จากปี 2559 อยู่ที่ประมาณ 110,000 ล้านบาท และตั้งเป้าขยายร้านเจมาร์ท และแบรนด์ช็อปในปีนี้เพิ่มอีก 35 สาขา จากสิ้นปี 2559 มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 205 สาขา รวมทั้งใช้ช่องทางการจำหน่ายผ่านซิงเกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีตัวแทนขายมากที่สุดในประเทศไทย และกระจายอยู่ทั่วประเทศ เสริมทัพธุรกิจมือถือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เจมาร์ทยังขยายไลน์ธุรกิจไปยังกล้องถ่ายรูป โดยปัจจุบันได้วางจำหน่ายกล้องถ่ายรูปไป ยังหน้าร้านเจมาร์ท กว่า 50 สาขา เรียบร้อยแล้ว พร้อมวางจำหน่ายเป็น 100 สาขา ในปี 2560 เพื่อเพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเปิดร้าน Jaycamera ที่ชั้น 3 แฟชั่นไอซ์แลนด์ เป็นสาขาแรก หวังขยายแบรนด์ และเพื่อเป็นแหล่งรวมของคนรักกล้องในพื้นที่ดังกล่าว โดยตั้งเป้าในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 10 สาขา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้น และตั้งเป้าหมายรายได้ของบริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ปีนี้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่ นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้นำในธุรกิจติดตามหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน JMT ซื้อหนี้เข้ามาบริหารในพอร์ตทะลุ 1 แสนล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ในปี 2560 นี้บริษัทฯ จะเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี สถาบันการเงินต่างๆ ขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง และหนี้ด้อยคุณภาพส่วนใหญ่ที่ซื้อมามีคุณภาพมากขึ้น จึงมั่นใจจะส่งผลดีต่อผลประกอบการ บริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้างบลงทุนปีนี้ 1,560 ล้านบาท สำหรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท หรือสิ้นปี 2560 มีพอร์ตบริหารหนี้แตะ 1.4 แสนล้านบาท ได้สำเร็จ ย้ำความมั่นใจผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ได้อย่างแน่นอน
ส่วน นายสุพจน์ วรรณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ผู้นำในธุรกิจด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในปี 2560 มั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์โทรศัพท์มือถือ ภายใต้ชื่อ “IT JUNCTION” ที่ปัจจุบันมีอยู่ 52 สาขา และตั้งเป้าในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 8 สาขา รวมถึงธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อ The Jas ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ The Jas วังหิน, The Jas รามอินทรา และความสำเร็จล่าสุดกับ Jas Urban ศรีนครินทร์ ที่เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดผู้เช่าเต็มทั้ง 100% และจะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้เต็มจำนวน และจากการประสบความสำเร็จดังกล่าว บริษัทฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจเพิ่มเติมอีก หวังต่อยอดการเติบโตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยล่าสุด เปิดตัว “TOTEM KINGDOM” สวนสนุกในร่มขนาดใหญ่แห่งแรกของบริษัทฯ ให้เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งที่จะสามารถดึง Traffic ของโครงการ Jas Urban ศรีนครินทร์ได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อ Newera คอนโด Low Rise จำนวน 8 ชั้น ย่านถนนประดิษมนูธรรม คาดพร้อมเปิดให้จองได้ภายในกลางปีนี้ทันที หวังเพิ่มความหลากหลายให้ธุรกิจ และยังมองโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมอีก โดยในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
ด้าน นางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ผู้นำตลาดเครือข่ายขายตรง พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ซิงเกอร์” และสินค้าเชิงพาณิชย์ รวมทั้งบริการด้านสินเชื่อ และเช่าซื้อสำหรับผู้บริโภค เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปีนี้ มั่นใจจะพลิกกลับมามีกำไร หลังมีการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มบริษัทเจมาร์ท และได้มีการปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ เพื่อการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และทันสมัย หวังรุกการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเกือบ 1 หมื่นคน กระจายอยู่ทั่วประเทศ นับเป็นจุดแข็งสำคัญในการขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้ง ธุรกิจประเภท Car for Cash บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ มั่นใจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของซิงเกอร์ ในปีนี้อย่างชัดเจน ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 30%