“ทีพีบีไอ” รับเทรนด์การค้า E-commerce ในยุคดิจิตอล และกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เปิดแผนปี 60 รุกบรรจุภัณฑ์สำหรับขนส่งสินค้ารับความต้องการลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศ คาดภายในไตรมาส 1/60 จะเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา ขณะที่บรรจุภัณฑ์กลุ่มไบโอพลาสติก เร่งเจรจาลูกค้าหวังปิดดีล มั่นใจจะเห็นการส่งออกสินค้าได้ภายในปีนี้ หนุนภาพรวมการดำเนินงานทั้งปีเติบโต 5-10%
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เปิดเผยว่า กระแสการค้าของโลกดิจิตอลทำให้ความนิยมการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (E-commerce) ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับขนส่งสินค้าเติบโตขึ้น บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว โดยใช้งบลงทุนประมาณ 20-30 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของเครื่องจักรและคาดว่าภายในไตรมาส 1/60 จะเริ่มดำเนินการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศได้
ขณะเดียวกัน ด้วยกระแสใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลายประเทศจึงมีนโยบายลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เช่น มาตรการให้เกิดการใช้ซ้ำในกลุ่มถุงพลาสติก ประเภทหูหิ้ว ซึ่งบริษัทฯ ได้รับออเดอร์เพื่อพัฒนาสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่มีความหนาเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 เท่า เพื่อให้เกิดความคงทน และให้ผู้บริโภคสามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก หรือเลือกใช้พลาสติกชีวภาพ (ไบโอพลาสติก) ที่สามารถย่อยสลายได้เอง โดย TPBI อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบย่อยสลาย คาดว่าจะปิดดีล และผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบได้ภายในปีนี้
“ปี 2560 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของ TPBI เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์การใช้งาน เราจึงต้องมีความพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับกระแสของโลก โดยพบว่า ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก เพื่อการขนส่งสินค้าในกลุ่ม E-commerce มีศักยภาพการขยายตัวได้ดีตามมูลค่าการค้าบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่เราจะนำเสนอสินค้าเพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว รวมถึงกระแสสิ่งแวดล้อมที่จะทำผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ไบโอพลาสติกมากยิ่งขึ้นที่เราได้เตรียมความพร้อมในสินค้าประเภทนี้ไว้แล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPBI กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ ยังได้ลงทุนพัฒนาคลังสินค้า โดยนำระบบออโตเมชั่น หรือเครื่องจักรแบบอัตโนมัติที่มีระบบไอทีเข้ามาใช้เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ซึ่งช่วยลดการใช้แรงงานคน และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด หรือความเสียหายที่เกิดจากการกระบวนการขนย้ายสินค้าทำให้การบริหารจัดการด้านคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 100 ล้านเมตรต่อปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทนั้น ขณะนี้สามารถสรุปแบบการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 1/60 และจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกมูลค่าเพิ่ม หรือ High Value Added ของกลุ่ม TPBI ได้ดียิ่งขึ้น
“เราประเมินว่า กลุ่มสินค้า High Value Added ในปีนี้ยังมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจได้ดี คาดว่าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก และจะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 18-20% ขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทหูหิ้ว และถุงขยะคาดว่าจะเติบโตตาม GDP ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของเราในปีนี้คาดว่า จะเติบโต 5-10%” นายสมศักดิ์ กล่าว