ก.ล.ต.เปิดแผน 3 ปี (2560-2562) ชู 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนตลาดทุนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน พร้อมยกระดับสู่การเป็นตลาดทุนแห่งภูมิภาค ส่งเสริมสินค้า หรือกิจการในตลาดทุนนำหลักธรรมาภิบาลไปปฏิบัติจริง เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และพัฒนาเครื่องมือให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นพลังในการสร้างวินัยในตลาด
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. 3 ปี จัดทำขึ้นเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดทุน เพิ่มคุณภาพ และช่องทางของผู้ระดมทุน สร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้แข่งขันในระดับสากล ที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินโลกมากขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสแก่ธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทางการเงิน และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ นอกจากนี้ ยังสอดรับกับการที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ หลักประกันทางรายได้ยังไม่เพียงพอ ตลาดทุนจึงควรสนับสนุนให้เห็นความจำเป็นของการออม และการลงทุน โดยเป็นช่องทางในการลงทุนที่เหมาะกับความต้องการของตน
ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ของ ก.ล.ต. เน้น 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.การใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน
2.การส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่น่าสนใจสำหรับกิจการในประเทศ และภูมิภาค
3.สร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้สถาบันการเงิน และกิจการเสนอสินค้า และบริการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง และ
4.พัฒนาเครื่องมือสำหรับให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นพลังสำคัญในตลาดทุน
อย่างไรก็ดี ยุทธศาสตร์แรก เป็นเรื่องการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงตลาดทุน เป็นยุทธศาสตร์ที่ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการก้าวไปสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค โดยการเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูล มีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม มีโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดต้นทุนการกำกับดูแลให้แก่ภาคธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีในการกำกับดูแล และการมีระบบที่มั่นคงเพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์
สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นเรื่องการส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่น่าสนใจสำหรับกิจการทั้งในประเทศ และภูมิภาค โดยสร้างความชัดเจนในงานการกำกับดูแลผู้ระดมทุน ครอบคลุมการคัดกรองก่อนระดมทุน การติดตามการซื้อขาย และการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเพื่อการยอมรับในระดับสากล เพิ่มความน่าสนใจให้แก่สินค้าในตลาดทุนไทย ขจัดอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ให้ตลาดทุนไทยพร้อมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และตลาดทุนของประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 3 เกี่ยวกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้สถาบันการเงิน และกิจการเสนอสินค้า และบริการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง ยกระดับการทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้ทุกภาคส่วนเห็นประโยชน์ของการมีธรรมาภิบาลในธุรกิจตน และปฏิบัติตามด้วยตัวเองมากกว่าที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงวิธีการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทแม่
ทั้งนี้ สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาเครื่องมือสำหรับให้ผู้ลงทุนสามารถเป็นพลังสำคัญในตลาดทุน โดยการให้ความรู้ผู้ลงทุนผ่านเครื่องมือ และตัวช่วยในการตัดสินใจ ไม่ถูกหลอก และรู้จักเรียกร้องสิทธิที่พึ่งได้ มีตัวกลางที่ให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระ ตลอดจนการพัฒนากลไกการระงับข้อพิพาท และบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
“เรื่องสุดท้าย คือ การพัฒนาศักยภาพองค์กร ก.ล.ต. เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ของสำนักงาน โดยการพัฒนาความรู้ และทักษะบุคลากรภายในองค์กรให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานให้สามารถวิเคราะห์ จัดการปัญหาได้ฉับไว และร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องในภาคส่วนอื่นๆ ในตลาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด”