สภาวิศวกร ขับเคลื่อนการแก้ไขกฎกระทรวงฯ เฝ้าระวังจากเหตุการณ์กรณีศึกษา รื้อถอน ตึกถล่ม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต โดยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในส่วนของสาขาวิศวกรรมโยธา ให้มีความเข้มข้น หวังช่วยลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากวิศวกรดูแลโครงการ ซึ่งสุ่มเสี่ยงให้เกิดการสูญเสียในอนาคต
ศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาวิศวกร ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในส่วนของสาขาวิศวกรรมโยธา โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำหนดให้ประเภท และขนาดของงานทางวิศวกรรมโยธาหลายๆ งานที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนให้เป็นประเภท และขนาดของงานวิศวกรรมควบคุมตาม พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ.2542 โดยผู้ที่ทำงานวิศวกรรมควบคุมเหล่านี้ได้จะต้องเป็นวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร
ทั้งนี้ กฎกระทรวงฯ ใหม่นี้จะกำหนดประเภท และขนาดของงานวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมโยธาเพิ่มเติมจากเดิม เช่น 1) อาคารที่มีพื้นที่รวมกันตั้งแต่ 150 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณที่ 2 ตามกฎกระทรวง ว่าด้วยเรื่องการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550
2) งานยก หรือเคลื่อนย้ายอาคารทุกประเภทที่มีน้ำหนักรวมของอาคารตั้งแต่ 50 เมตริกตันขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 150 ตารางเมตรขึ้นไป
3) งานต่อเติม รื้อถอน หรือดัดแปลงอาคารทุกประเภทที่ทำให้สัดส่วนของอาคารผิดไปจากแบบแปลน หรือรายการประกอบแบบที่ได้รับอนุญาตเกินร้อยละห้า หรือเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารส่วนหนึ่งส่วนใดเกินร้อยละ 10
4) โครงสร้างรองรับ หรือติดตั้งเครื่องเล่นที่มีความสูงจากระดับพื้นที่ตั้งของเครื่องเล่นถึงระดับพื้นที่สูงสุดที่ผู้เล่นเครื่องเล่นขึ้นไปเพื่อเล่นตั้งแต่ 2.50 เมตรขึ้นไป หรือเครื่องเล่นที่เคลื่อนที่ได้โดยมีความเร็วตั้งแต่ 5 เมตรต่อวินาทีขึ้นไป หรือมีส่วนที่ต้องใช้น้ำมีความลึกของระดับน้ำตั้งแต่ 0.80 เมตรขึ้นไป และอื่นๆ ให้เป็นวิศวกรรมควบคุม เพื่อให้ผู้ที่สามารถจะทำงานเหล่านี้ได้ต้องเป็นวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร โดยหลังจากที่กำหนดเป็นวิศวกรรมควบคุม หากผู้ที่ไปทำงานวิศวกรรมเหล่านี้ไม่ได้รับใบอนุญาตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร แต่ทำงานไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติ และวิชาการ ก็อาจมีความผิดจรรยาบรรณ มีโทษสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนต่อไป คือ การส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการพิจารณากฎหมายของสภาวิศวกร ตรวจพิจารณาร่างแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ.2550 และจัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นร่างกฎกระทรวงฯ ก่อนเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งคาดว่า ในส่วนของสภาวิศวกรจะสามารถดำเนินการจัดประชาพิจารณ์ฯ และเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ภายใน 6 เดือน หรืออย่างช้าที่สุดภายในปี 2560
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ส่วนอื่นๆ ในโครงการไปในตัวก่อนที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปีหน้า ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหารบนยอดตึก จุดชมวิวรวมถึงพื้นที่รีเทล มหานคร คิวบ์ และมีเดีย วอลล์ ซึ่งจะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท ซึ่งตั้งใจที่จะสร้างจุดชมวิวบนชั้นสูงสุดของอาคารมหานคร ให้เป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวที่ทันสมัย เทียบเท่ากับจุดชมวิวบนอาคารสูงในเมืองหลักๆ ของโลก โดยคาดว่า จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 6 ล้านคนต่อปี ค่าเข้าชมประมาณ 500 บาท/คน ซึ่งคาดว่า บริษัทจะมีรายได้หลักจากการจำหน่ายบัตร และของที่ระลึกปีละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดให้บริการส่วนโรงแรม ร้านอาหาร และจุดชมวิวได้ประมาณ 1-2 ปี บริษัทฯ มีแผนที่จะนำรายได้ส่วนนี้จัดตั้งกองทุน REIT ต่อไป
“เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จด้านการก่อสร้าง “มหานคร” อาคารที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย 314 เมตร PACE พร้อมด้วยผู้สนับสนุน ได้แก่ SCB, CITI รวมถึง BMW ได้เตรียมจัดงาน “MAHANAKHON : BANGKOK RISING, THE NIGHT OF LIGHTS” ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ โดยมีไฮไลต์เป็นไลต์โชว์บนตึกสูงครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่ง PACE ได้นำเทคโนโลยีการฉายแสงจากประเทศเกาหลี ออกแบบโชว์พิเศษที่ล้อไปกับแนวพิกเซลที่โอบล้อมตัวอาคารที่สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมของกรุงเทพมหานคร เพื่อประกาศความสำเร็จ และยกระดับกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองหลวงโลก” นายสรพจน์ กล่าว
นอกจากการแสดงไลต์โชว์บนอาคารมหานครแล้ว ในวัน และเวลาเดียวกัน PACE ยังได้เตรียมจัดคอนเสิร์ตบริเวณ “มหานคร สแควร์” เพื่อขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโครงการมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยจะมีการแสดงคอนเสิร์ตโดยศิลปินโอเปราระดับโลก “โฮเซ่ การ์เรรัส” พร้อมด้วยศิลปินชื่อดังของไทย อาทิ “ไทเทเนียม” “ดา เอ็นโดรฟิน” “กิต เดอะวอยซ์” และ “น้ำมนต์ ธีรนัยน์” และเพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การก่อสร้างอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย PACE ยังได้จัดแคมเปญกิจกรรมประกวดภาพถ่ายไลต์โชว์บนตึกมหานคร ชิงรางวัลบัตรขึ้นจุดชมวิว “มหานคร ออบเซอเวชั่น เด็ค” 10,000 รางวัล พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท