ทิสโก้ ชี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ที่กดดันราคาทองคำเริ่มผ่อนคลาย หลังค่าเงินสกุลเงินหลักอื่นๆ เริ่มกลับมาแข็งค่า มองเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำฟื้นตัว แนะเข้าลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับ Bond Yield ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับจากเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากราว 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มาต่ำสุดที่ราว 1,130 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ เริ่มกลับมาแข็งค่า นำโดยค่าเงินยูโร ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนค่าเงินหยวนก็กลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากปีใหม่ เนื่องจากทางการจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินเพื่อบรรเทาปัญหาเงินทุนไหลออก ซึ่งการพลิกกลับมาแข็งค่าของค่าเงินยูโร และหยวน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเร็วต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย. เริ่มพักฐาน และกลับมาอ่อนค่าลงบ้างในช่วงนี้
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มชะลอการแข็งค่า น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะหนุนให้ราคาทองคำกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ นอกจากนั้น รายงานสถานะการลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้ายังชี้ว่า นักเก็งกำไรถือครองสัญญาซื้อล่วงหน้าทองคำลดลงต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ซึ่งสะท้อนว่า แรงเทขายทองคำน่าจะเริ่มเบาบางลง และอาจเริ่มเห็นแรงซื้อกลับมาในเร็วๆ นี้
“เราคาดว่า ราคาทองคำจะฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือน ม.ค. และแนะนำให้นักลงทุนซื้อทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยในปีนี้ยังมีความเสี่ยงจากการเลือกตั้งในหลายประเทศในยุโรป เช่น การเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์ ในเดือน มี.ค. ฝรั่งเศส ในเดือน เม.ย. และเยอรมนี ในเดือน ต.ค. ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำต่อไป”