ผู้ถือหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ “IFEC” จำนวนกว่า 27,880 ราย หายใจทั่วท้องไปตามๆ กัน หลังจากชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) จำนวน 100 ล้านบาทไปได้ จนตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย “SP” และเปิดให้การซื้อขายหุ้นตามปกติเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา
และราคาหุ้นไอเฟค ก็ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง เพราะเมื่อเปิดการซื้อขายใหม่มีการไล่ราคาจนพุ่งขึ้นไปแรง สวนทางข่าวร้ายการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี รวมทั้งยังมีหนี้อื่นอีกจำนวนหลายพันล้านบาท ที่รอครบกำหนดชำระอยู่ หุ้นไอเฟคถูกสั่งพักการซื้อขายเมื่อวันที่วันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี จำนวนกว่า100ล้านบาท ที่เสนอขายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด โดยบริษัทอ้างว่าเกิดจากปัญหาทางเทคนิค ทุกฝ่ายลุ้นกันใจหายใจคว่ำว่า ฝ่ายบริหารไอเฟคจะฝ่าวิกฤตการผิดชำระหนี้ได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้คืนได้อนาคตหุ้นตัวนี้ดับดิ้นแน่
เปิดการซื้อขายเมื่อไหร่มีหวังถูกถล่มขายเละ แต่ก่อนปิดฉากปี 59 ไอเฟคก็สามารถชำระหนี้ตั๋วบี/อี พร้อมดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ได้ครบตามจำนวน
อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมหุ้นตัวนี้ยังไม่ได้สิ้นสุดลง เพราะยังมีหนี้อีกจำนวนมากที่จะทยอยครบกำหนดไถ่ถอน หรือชำระคืนอยู่ และเมื่อมีการผิดนัดชำระคืนครั้งแรกได้ จะเป็นไปได้ไหมว่า หนี้ก้อนต่อๆ ไปอาจมีปัญหา เพราะ “ไอเฟค” ไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนอยู่มากมาย และการออกตั๋วบี/อี จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ขายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็เพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนภายในบริษัท สะท้อนให้เห็นว่าสภาพคล่องไม่ได้เหลือเฟือนัก
หุ้นไอเฟค มีปมที่นักลงทุนจะต้องใช้วิจารณญาณเป็นพิเศษอยู่หลายด้าน โดยเป็นหุ้นที่มีการระดมทุนอย่างถี่ยิบในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นว่าเล่น ผู้บริหารขยันสร้างข่าวดี มีโครงการลงทุนนับไม่ถ้วน และมีนักวิเคราะห์บางคนทำตัวเหมือนมือปืนรับจ้างเชียร์หุ้นตัวนี้ตลอด แต่ยิ่งเชียร์ หุ้นยิ่งลง ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไอเฟคไม่ได้โดดเด่นนัก เพียงแต่เป็นหุ้นที่มีการสร้างข่าว และปล่อยข่าวลืออย่างสม่ำเสมอ กระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไร จนแมลงเม่าตามแห่เข้าไปเกือบ 30,000 คน ซึ่งแทบทั้งหมดติดยอดดอย หาทางลงไม่เจอ รอจังหวะที่จะตัดขายขาดทุนกันทั้งสิ้น และไม่รู้ว่าจะรออีกนานเท่าไหร่ รายย่อยจึงจะลงจาก “ดอย” ได้ เพราะสถานการณ์หุ้นตัวนี้ไม่สู่ดีแล้ว
อย่างน้อยก็ถูกจับตาว่าเมื่อครบกำหนดต้องชำระหนี้ก้อนต่อไป ฝ่ายบริหารบริษัทฯ จะหาเงินมาชำระหนี้ได้หรือไม่ เพราะถ้าเกิดปัญหาการชำระหนี้ซ้ำสองขึ้นมาอีก “ไอเฟค” จะล้มละลายในด้านความเชื่อมั่น นักลงทุนจะเกิดความตื่นตระหนก หุ้นจะเกิดวิกฤตทันที สถาบันการเงินคงต้องคิดหนักถ้าจะปล่อยกู้ให้ไอเฟค เพราะเห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การออกตราสารเพื่อระดมทุนก็มีคำถามว่าใครจะสนใจลงทุน การเพิ่มทุนก็ทำมาถี่ยิบจนไม่แน่ใจว่าจะมีนักลงทุนยอมถมเงินเข้ามาอีกหรือไม่
อนาคตของหุ้นไอเฟค ไม่เฉพาะฝ่ายบริหารบริษัทเท่านั้นที่คิดหนัก แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องคิดหนักด้วย และต้องคิดให้หนักกว่าฝ่ายบริหาร เพราะอยู่ในฐานะ “เจ้าทรัพย์” อยู่ในฐานะเจ้าของกิจการรายใหญ่ตัวจริง และเป็นผู้ที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยตรง หากฝ่ายบริหารบริษัทดำเนินงานผิดพลาดจนทำให้กิจการได้รับความเสียหาย ถ้าพอมีกำไร หรือถ้าอยู่ในภาวะที่สามารถทนแบกรับการขาดทุนได้ ผู้ถือหุ้นรายย่อย “ไอเฟค” อาจยอมถอยออกจากหุ้นตัวนี้ไปแล้ว เพราะถือว่าการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี เป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงในอนาคต แต่ถึงผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะขาดทุนไปไม่น้อยกับหุ้นไอเฟค ถ้าจะยอมทนถือหุ้นต่อไปก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะเจ็บจากหุ้นตัวนี้หนักกว่าเดิมหรือไม่
และคำถามที่นักลงทุนในตลาดหุ้นทุกคนต้องค้นหาคำตอบคือ หุ้นที่มีการระดมทุนอย่างถี่ยิบ หุ้นที่มีการขยายโครงการลงทุนมากมายก่ายกอง หุ้นที่ผู้บริหารขยันสร้างข่าวดี แสดงบทบาทเหมือนนักประชาสัมพันธ์ขั้นเทพ ทำให้แมลงเม่าบินเข้าไปติดหุ้นนับหมื่นคนนั้น
นอกจาก “ไอเฟค” แล้ว มีหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันอีกหรือไม่ และเมื่อมีควรถอยห่างจากหุ้นตัวนั้นหรือไม่ หาคำตอบกันเอาเอง
ชุมชนคนหุ้น...สุนันท์ ศรีจันทรา