ดัชนีการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการซื้อภาคเช้าวันที่ 5 ม.ค. 2560 SET Index ปรับตัวขึ้นไปที่ 1,570.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ 0.44% มูลค่าการซื้อขาย 35,222.39 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 716 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 381 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง 435 หลักทรัพย์
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ปิดที่ 18.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+2.22%) มูลค่าการซื้อขาย 1,878 ล้านบาท
2.บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL ปิดที่ 36.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย1,607 ล้านบาท
3.บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท (+0.68%) มูลค่าการซื้อขาย 1,603 ล้านบาท
4.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ปิดที่ 153.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท (+2.34%) มูลค่าการซื้อขาย 1,390 ล้านบาท
5.บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC ปิดที่ 42.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+3.07%) มูลค่าการซื้อขาย 1,361 ล้านบาท
นักวิเคราะห์จาก บล.เคทีซีมิโก้ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนว่า ทิศทางดัชนี SET Index ในระยะนี้คาดว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ระดับ 1,558-1,575 จุด โดยมองว่า เดือนนี้จะเห็นแรงไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนดออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกดดันตลาด โดยเฉพาะหลังการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของดัชนี SET Index ขณะที่ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศนั้น ยังคงต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สะท้อนออกมาให้เห็นความเสี่ยงเชิงบวกมากขึ้นต่อประมาณการเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1/2560 จากนโยบายด้านการคลัง ซึ่งส่วนใหญ่ยังต้องการให้มีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน ด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น อาจส่งผลในเชิงลบต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะปรับขึ้นเร็วกว่ากำหนด กระทบต่อการลงทุนของตลาดหุ้นใหญ่ๆ ทั่วโลกในปีนี้ อย่างไรก็ดี มองว่าทิศทางการลงทุนในวันช่วงบ่ายวันนี้ (5 ธ.ค.) และวันพรุ่งนี้ (6 ธ.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นเริ่มชะลอตัวลง โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ว่า จะมีการปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลง ทั้งนี้ มองว่ากรอบการลงทุนของดัชนี SET Index คาดว่าจะเคลื่อนใหวในแนวต้านที่ 1,585-1,600 จุด
ขณะที่ในส่วนของ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ประเมินว่า ทิศทาง SET Index ในรอบบ่ายวันนี้ มองว่าจะยังไม่สามารถผ่านระดับ 1,570-1,575 จุดได้ แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียจะเป็นบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด TIP อย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ปรับตัวบวกขึ้นมาอย่างโดดเด่น รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐกว่า 5-6 สตางค์ต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็ตาม เพราะเชื่อว่าผู้ถือหน่วยลงทุน LTF จะเริ่มทยอยไถ่ถอนหน่วยลงทุนมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง การประเมินทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นไทย ณ ระดับ 1,570 จุด ยังคงตึงตัวอยู่มาก