สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านหวังแรงหนุนการลงทุนภาครัฐ-GDP โต-ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่คนต่างจังหวัดนิยมให้บริษัทรับสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น หนุนตลาดรับสร้างบ้านปี 60 มูลค่าแตะ 12,000 ล้าน จากปี 59 อยู่ที่ 10,080 หมื่นล้าน
นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2560 นั้น คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดรวม 12,000 หมื่นล้านบาท หรือโตอย่างน้อย 10% จากปี 2559 ตลาดรวมอยู่ที่ 10,200 ล้านบาท จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 10,080 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีปัจจัยบวกมาจากภาพรวมเศรษฐกิจในปี 60 ที่คาดการณ์ว่า จีดีพีจะเติบโตที่ 3.2-3.4% การเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีการประมูลแล้วหลายโครงการ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจ การเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2560 และการคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากพืชผลทางการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำกดดันรายได้ครัวเรือนภาคการเกษตร รวมสถานการณ์ตลาดโลกที่คาดว่า ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มลดลง ซึ่งธุรกิจรับสร้างต้องปรับตัวรับตลาดผันผวน เช่น การพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค
“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สมาคมฯ ประเมินว่า ตลาดรวมรับสร้างบ้านจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 จึงทำให้ความต้องการของตลาดนั้น หายไปประมาณ 15% มูลค่าตลาดจึงอยู่ที่ 10,200 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ในปี 2560 สมาคมฯ มีแผนเพื่อปรับตัว และรองรับกับผันผวนของตลาด โดยการพัฒนาแบบบ้าน เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เน้นคุณภาพ คู่บริการ เพิ่มคุณค่า และของเขตการบริการในลักษณะ High Valued Service รวมไปถึงการสร้างแบรนด์เพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้รับเหมาทั่วไป ซึ่งเชื่อว่า จะทำให้สัดส่วนของมูลค่าตลาดปลูกสร้างบ้านผ่านบริษัทรับสร้างบ้านจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ด้าน นายธีร์ บุญวาสนา อุปนายกฝ่ายวิชาการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคจากผู้ที่เข้าเยี่ยมชมงาน “Home Builder Focus & Expo” พบว่า ส่วนใหญ่เข้ามาศึกษาเพื่อหาข้อมูล 41.9% เพื่อว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน 21.89% ศึกษาข้อมูลและเทคโนโลยี 19.98% มาเพื่อต้องการหาผู้ออกแบบบ้าน 8.86% และอื่นๆ 7.31% ขณะการวางแผนจะออกแบบ และก่อสร้างบ้านนั้น ใช้เวลานานขึ้นเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน 53.38% จากเดิน 50% โดยมีการตัดสินใจโดยใช้เวลามากขึ้นในช่วงเวลาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
ส่วนความต้องการรับสร้างบ้านจากลูกค้าต่างจังหวัดมีเพิ่มขึ้นในปีนี้อยู่ที่ 25% จากปี 2558 มีสัดส่วนอยู่ที่ 17% เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านเครือข่ายโทรคมนาคมทำให้สามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น จึงทำให้ความนิยมปลูกสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีเพิ่มขึ้นประกอบกับที่ดินในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่ชานเมืองมีจำกัด และราคาขยับสูงขึ้น ปัจจุบัน การปลูกสร้างบ้านระดับกลาง-ล่างไม่เกิน 5 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 72% กลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท สัดส่วน 13% กลุ่มราคา 10-20 ล้านบาท สัดส่วน 3.87% และกลุ่มราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 1.16%
สำหรับตลาดรวมบ้านสร้างเองในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2559 คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 44,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในสมาคม 7,260 ล้านบาท บริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคม 2,860 ล้านบาท และบริษัทรับเหมา-ผู้รับเหมาอิสระ 33,880 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ในปี 2559 คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 10,200 ล้านบาท