ประธาน FETCO ชี้แนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนดิ่งไหลลง เหตุนักลงทุนทั่วโลกกังวลนโยบายบริหารประเทศของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา อาจทำให้สภาพคล่องทางการเงินใหลออกจากประเทศไทย แนะนักลงทุนจับตานโยบายโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐช่วยกระตุ้นการลงทุน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนธันวาคม 2559 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลง แต่ดัชนียังอยู่ในระดับทรงตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 คาดปี 2560 จะเริ่มเห็นการทำงานภายใต้ TRUMPONOMICS ที่จะส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจาก Emerging Market มากยิ่งขึ้น ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยหนุนแก่ความเชื่อมั่นของนักลงทุน
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กุมภาพันธ์ 2560) อยู่ที่ 95.69 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (Neutral) (ช่วงค่าดัชนีระหว่าง 0-200) ปรับตัวลดลง 8.47% จากเดือนที่ผ่านมา ที่ 104.55 ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ปรับตัวลดลงถึง 12.50% แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ พาณิชย์ (COMM) ส่วนหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลออกของเงินทุน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้เคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดต่างประเทศในภูมิภาค ตามการคาดการณ์ผลกระทบจากนโยบายทางเศรษฐกิจภายหลังผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ และความเป็นไปได้สูงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม 2559 หลังการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งมีอิทธิพลทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกบางส่วนจาก Emerging Market ทั้งในส่วนตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ แม้ว่าตลาดคาดการณ์ว่า ECB อาจขยายเวลาโครงการ QE ออกไปในการประชุมเดือนธันวาคม 2559 อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐที่สอดคล้องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวเดือนธันวาคม 2559 รวมไปถึงนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจไทยในเกณฑ์ทรงตัว ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
อย่างไรก็ตาม นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ของ ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่ เป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ และกระทบต่อเนื่องมายัง Emerging Market ในปี 2560