xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ถือหุ้นโหวตผ่าน UPA ลงทุนโรงไฟฟ้า 200 MW ในพม่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 นายอุปกิต ปาจรียางกูร กรรมการ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย หรือ UPA
ผู้ถือหุ้นไฟเขียวให้ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย แสดงสัตยาบันลงทุน โครงการโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ในประเทศพม่า ช่วยต่อยอด และขยายฐานธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศให้แข็งแกร่ง สร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยนาย อุปกิต ปาจรียางกูร กรรมการ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย หรือ UPA มีมติอนุมัติให้สัตยาบันในการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) ระหว่างบริษัท เมียนมาร์ ยูพีเอ จำกัด (Myanmar UPA Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ กับการไฟฟ้าแห่งประเทศพม่า (Myanmar Electric Power Enterprise: MEPE) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และจัดจำหน่ายไฟฟ้า เนื่องจากการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว เป็นการต่อยอด และขยายฐานธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มขยายฐานธุรกิจมายังธุรกิจพลังงานจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ APU ให้กว้างขวาง และต่อเนื่องยิ่งขึ้น ปัจจุบัน APU มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 1 โครงการ (โรงไฟฟ้า เฟส 1) กำลังการผลิต 6-20 เมกะวัตต์ และมีระยะเวลาของสัญญา 2 ปี แต่การเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 ที่ดำเนินการโดย MUPA กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ และมีระยะเวลาของสัญญา 30 ปี จึงมีความแน่นอนมั่นคงกว่า เนื่องจากเป็นสัญญาระยะยาว และสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวอันจะส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และบทบาทของบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นระดับสากล ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ต่อยอดในธุรกิจดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง และกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งในด้านการเงินของกิจการ และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจ

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอกันบก 2.4 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ของโครงการประมาณ 59 ไร่ดำเนินการก่อสร้าง และลงทุนโครงการโดยบริษัทย่อยที่จะเช่าที่ดินจาก MEPE ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวจนถึงวันสิ้นสุดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า มีกำหนดการก่อสร้างเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี เมื่อก่อสร้างเสร็จ โรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิตติดตั้งประมาณ 210 เมกะวัตต์ โดยจะสามารถผลิต และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ MEPE ด้วยกำลังผลิตตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จำนวน 200 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทย่อยจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเฟส 2 ตามพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายจริง ในอัตราค่าไฟฟ้าที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และมีอายุสัญญาเป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามเงื่อนไขการมีผลบังคับของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมดครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัท วอเล่ย์พาร์สันส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางวิศวกรรมในการเริ่มต้นโครงการ ออกแบบ คำนวณต้นทุน และวิเคราะห์โครงการ วางแผน และควบคุมการก่อสร้างจนกระทั่งโครงการสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่า รายงานของวอเล่ย์พาร์สันส์ฯ จะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1/2560 โดยผลที่ได้น่าจะก่อให้เกิดความชัดเจนกับการประเมินความคุ้มค่าของโครงการ และการขอรับใบอนุญาตต่างๆ

เนื่องจากรายงานของวอเล่ย์พาร์สันส์ฯ จะมีความชัดเจนในรายละเอียดที่มีลักษณะเฉพาะของโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 ที่มากกว่ารายงานการศึกษาโครงการในเบื้องต้นทางด้านเทคนิค และทางด้านการเงิน (Pre-feasibility Report) ของ EEC นอกจากนี้ จะเป็นการลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนของการก่อสร้างโครงการ และจะทำให้ Risk Premium ในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 2 ลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินโครงการมีความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้นอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น