xs
xsm
sm
md
lg

Holy Grail หรือสุดยอดวิธีในตลาดหุ้น?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เทรดเดอร์หลายๆ คนในตลาดหุ้นมักจะพยายามหาสุดยอดวิธีในการทำกำไรจากตลาด หลายคนที่เพิ่งเริ่มเข้าตลาดมาใหม่จะพยายามหาวิธีทำกำไรที่ดีที่สุด ไปลงคอร์สสัมมนา ไปซื้อหนังสือมาอ่าน หาข้อมูลจากทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเราต้องศึกษาหาความรู้ ไม่ว่าจะเข้าตลาดมานานแค่ไหนก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

แต่บางครั้ง ด้วยความที่เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ตอนอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ ตอนอยู่โรงเรียน ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนทำงาน เราล้วนแต่ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทำให้ดีที่สุด และห้ามทำผิด ทุกครั้งที่เราทำผิด เราจะโดนด่า โดนว่า โดนตัดคะแนน โดนตัดเงินเดือน ทำให้ในตัวเรามีความเป็น Perfectionist โดยที่เราไม่รู้ตัว และเวลาที่เราเทรด เราจะเอานิสัยส่วนตัวที่เราปลูกฝังมาเข้ามาเทรดโดยที่เราไม่รู้ตัว นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนที่ประสบความสำเร็จทั้งการเรียน การงาน การทำธุรกิจ แต่มาล้มเหลวในตลาดหุ้น เพราะคนเหล่านั้นเอาแนวคิด Perfectionist และนิสัยส่วนตัวอื่นๆ มาใช้ในตลาด

หมายความว่า เราต้องเรียนไม่เก่ง ไม่ตั้งใจทำงานถึงจะเทรดดีเหรอ? จริงๆ แล้วการเทรดนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียน เรื่องงานเลย การเทรดเป็นศาสตร์อีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะของมัน เราไม่สามารถเอาทุกแนวคิดในสิ่งที่เราเคยทำแล้วประสบความสำเร็จมาใช้ในตลาดได้หมด เพราะตลาดไม่มีความแน่นอน แต่ทั้งชีวิตของคนเราคือ ต้องการความแน่นอน เพราะฉะนั้นลึกๆ แล้วเราจะพยายามหาความแน่นอนจากตลาด ในตลาดนั้นมีข้อมูลมากมาย ทั้งพื้นฐาน ทั้งเทคนิคอลอีกร้อยแปดวิธี ทั้งข่าวจริงข่าวลือ อารมณ์ของเทรดเดอร์ หลายๆ ครั้งเราพยายามทำการบ้านให้ดีที่สุด ศึกษาพื้นฐานอย่างดี แกะงบอย่างละเอียด ดูเทคนิคอลประกอบ อ่านข่าว ดู sentiment ตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ผิด เป็นสิ่งที่ดีที่เราทำการบ้าน แต่ปัญหาคือ เราจะให้น้ำหนักต่อสิ่งไหนมากที่สุด บางคนให้น้ำหนักต่อทุกอย่างเท่าๆ กัน บางคนดูแต่ fundamental บางคนสายเทคนิคอลล้วนๆ บางคนเล่นตามข่าวอย่างเดียว ซึ่งไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะวิธีการทำกำไรในตลาดนั้นมีมากมาย ไม่ได้มีแค่วิธีเดียวในโลกที่ทำได้

แล้วปัญหาคืออะไร?
ปัญหาหลักคือ พอใช้ข้อมูลมาตัดสินใจเยอะ ถ้ามีข้อมูลขัดแย้งกัน เช่น พื้นฐานห่วย แต่กราฟดูสวย เราจะเลือกเชื่ออะไร ถ้าเรามีเหตุผลของเราที่ชัดเจน และสม่ำเสมอว่าจะเลือกเชื่ออะไร แล้วมันทำกำไรให้เราได้สม่ำเสมอ อันนี้แจ๋ว แต่หลายๆ ครั้งเรามักจะไบแอสจากอารมณ์ของเราโดยที่ไม่ได้เลือกใช้ตามระบบที่เราออกแบบไว้ตั้งแต่ตอนแรก ทำให้บางครั้งเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง กลายเป็นใช้อารมณ์ในการเทรดแทนวิธีการ แบบนี้ทำให้การเทรดเรานั้นแกว่งไปแกว่งมา คือ พอร์ตได้ๆ โดนๆ ไม่ค่อยไปไหน เพราะวิธีการเราไม่แน่นอน ปัญหาอย่างที่สองคือ ถ้าเราเห็นทุกอย่างถูกต้อง เช่น งบออกมาดูดี ข่าวว่าจะทำโปรเจกต์นู่นนี่ กราฟเป็นขาขึ้นชัดเจน คือ ทุกอย่างที่เราทำการบ้านมาดูดีไปหมด พอเป็นแบบนี้เรามักจะมั่นใจมาก ณ จุดๆ นี้คือเรากำลังมีไบแอสโดยที่เราไม่รู้ตัว คือ ทุกอย่างมันดู Perfect อะ มั่นใจต้องจัดเต็มสิ ซึ่ง ณ ตอนนี้ไม่ได้ผิด 

แต่อย่างที่บอกไปว่าตลาดหุ้นนั้นไม่มีความแน่นอน สมมติเราซื้อไปแล้วมันขึ้นตามที่ตาด เราจะคิดว่าเห็นมั้ย บอกแล้วว่าเดี๋ยวขึ้น (ตอนนี้ไบแอสขั้นสูงสุด) ซึ่งในตลาดไม่มีใครสามารถฟันธงได้ 100% ว่ามันจะขึ้น แต่ด้วยความที่เราทำการบ้านมาอย่างดี มีความเป็น Perfectionist ในตัว แล้วก็ไม่อยากผิด ย้ำ ไม่อยากผิด! ทำให้เวลาที่ราคามันกลับลงมา หรือว่ามันลงไปแรงๆ เราจะไม่สามารถคัตลอสต์ได้ เพราะหลายๆ คนคิดว่าการคัตลอสต์ก็คือ เราผิด ถ้าทำก็เหมือนเป็นการยอมรับความผิดพลาด และยิ่งถ้าเราไบแอส จะทำให้เราคิดว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้น คำนี้แหละครับที่ทำให้นักลงทุนมากมายต้องออกจากตลาดไป

ตลาดหุ้นเป็นที่สุดของความไม่แน่นอน สิ่งที่เราทำได้คือการคาดเดาความน่าจะเป็น แต่ลึกๆ ก็ต้องยอมรับว่า ไม่มีการเทรดไหนที่กำไรแน่นอน 100% อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ถ้าผิดเราต้องยอมรับผิด ตลาดหุ้นก็เหมือนผู้หญิงครับ อารมณ์ไม่แน่นอน และตลาดถูกเสมอ คือ ถ้าผิดอย่าไปบอกว่าตลาดมันผิดที่ไม่เป็นไปตามที่ควรเพราะเหตุผลบลาๆๆ ถ้าผิดคือ ยังไงเราก็เป็นคนผิดครับ การจะอยู่รอดในตลาดระยะยาวได้นั้นคือ การควบคุมความเสี่ยง ไม่ใช่การหวังกำไร การคัตลอสต์เป็นเรื่องปกติในการเทรด เสมือนการกินข้าวในชีวิตประจำวัน สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดในตลาดได้ และกำไรระยะยาวไม่ใช่การหาสุดยอดวิธีทำกำไรร้อยแปดเด้งสะท้านฟ้า แต่หาวิธีที่โดยรวมแล้วได้กำไรมากกว่าขาดทุน และทำตามมันอย่างเคร่งครัด ย้ำนะครับ ทำตามมันอย่างเคร่งครัด

ผมเชื่อว่าวิธีนั้นมีมากมาย สุดยอดนักลงทุนเก่งๆ ในตลาดมากมายส่วนมากก็ใช้คนละวิธีกัน แต่สามารถปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ และผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็มีวิธี หรือระบบของตัวเองอยู่แล้ว พอปัญหาไม่ได้อยู่ที่วิธีการ ก็อยู่ที่วินัยนี่แหละครับที่นักลงทุนส่วนมากตกม้าตายกัน ด้วยอารมณ์ความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง ความกลัวบ้าง ความภูมิใจบ้าง อีโก้ เราต้องถามตัวเองว่าเรามาเทรดเพื่อเอาเงิน หรือเอาความภูมิใจว่าเราเทรดถูกทาง ซื้อแล้วขึ้นเลย ขายแล้วลงเลย อย่าหาความแน่นอนจากตลาด แล้วเราจะเจอความแน่นอนจากตลาดครับ

โค้ชพีท ทศพล สิงหวิลาวัณย์ (โค้ชทีม Gold Roger)
  ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง
 
 




กำลังโหลดความคิดเห็น