SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,501.96 จุด ลดลง 12.30 จุด เปลี่ยนแปลง -0.81% มูลค่าการซื้อขาย 39,148.66 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 และเป็นการขายสทธิเกือบทุกประเทศ โดยขายสุทธิหุ้นไทยราว 59 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.0 พันล้านบาท (ขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 14 โดยมียอดขายสุทธิรวมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท) สวนทางกับนักลงทุนสถาบันฯ ที่ซื้อสุทธิถึง 2.7 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯ ซื้อสุทธิราว 2.4 หมื่นล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่สลับมาขายสุทธิราว 2.9 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 3 วัน) ส่งผลให้ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8.5 bps มาอยู่ที่ 2.22% ซึ่งสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และยังเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดตราสารหนี้อื่นๆ ในภูมิภาค
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีความผันผวน และยังเปราะบาง โดยดัชนีฯ ย่อตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่
ส่วนตลาดหุ้นไทยจะเห็นว่า Fund Flow ไหลออกอย่างต่อเนื่อง และ Valuation ของตลาดฯ ตอนนี้ก็ไม่ถูก เทรด P/E 16 เท่า ซึ่งตลาดฯ คงจะมีความผันผวนต่อไป และ upside ก็จำกัดด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา คาดว่า ตลาดฯ คงจะผันผวนในกรอบ อิงขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,520 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,172.81 ล้านบาท ปิดที่ 7.85 บาท ลดลง 1.40 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,154.20 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,020.08 ล้านบาท ปิดที่ 7.40 บาท ลดลง 0.20 บาท
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,786.52 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,576.91 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท ลดลง 0.50 บาท
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 และเป็นการขายสทธิเกือบทุกประเทศ โดยขายสุทธิหุ้นไทยราว 59 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.0 พันล้านบาท (ขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 14 โดยมียอดขายสุทธิรวมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท) สวนทางกับนักลงทุนสถาบันฯ ที่ซื้อสุทธิถึง 2.7 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯ ซื้อสุทธิราว 2.4 หมื่นล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่สลับมาขายสุทธิราว 2.9 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 3 วัน) ส่งผลให้ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8.5 bps มาอยู่ที่ 2.22% ซึ่งสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และยังเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดตราสารหนี้อื่นๆ ในภูมิภาค
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีความผันผวน และยังเปราะบาง โดยดัชนีฯ ย่อตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่
ส่วนตลาดหุ้นไทยจะเห็นว่า Fund Flow ไหลออกอย่างต่อเนื่อง และ Valuation ของตลาดฯ ตอนนี้ก็ไม่ถูก เทรด P/E 16 เท่า ซึ่งตลาดฯ คงจะมีความผันผวนต่อไป และ upside ก็จำกัดด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา คาดว่า ตลาดฯ คงจะผันผวนในกรอบ อิงขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,520 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,172.81 ล้านบาท ปิดที่ 7.85 บาท ลดลง 1.40 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,154.20 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,020.08 ล้านบาท ปิดที่ 7.40 บาท ลดลง 0.20 บาท
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,786.52 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,576.91 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท ลดลง 0.50 บาท