ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 28ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 2.19% ปิดที่ระดับ 1,303 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกที่เข้ามากระทบได้แก่ รายงานการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ ปรับลดลงผิดคาดในเดือน ก.ย. + รายงานจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับเพิ่มขึ้น รายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ประจำเดือน ต.ค.ปรับเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงดัชนีภาคบริการของ ISM ขยายตัวลดลงและต่ำกว่าคาดในเดือน ต.ค. + ความกังวลผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เริ่มมีความไม่แน่นอนหลังคะแนนนิยมของนายทรัมป์ เริ่มตีตื้นเข้าใกล้นางฮิลลารี จากข่าว FBI เตรียมรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มมีการพักตัวเกิดขึ้นหลังผลการประชุมเฟดช่วงวันที่ 1-2 พ.ย. ที่ผ่านมา แม้เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดแต่ก็ส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. รวมถึง FBI ออกมายืนยันว่า นางฮิลลารี คลินตัน ไม่มีความผิดทางคดีอาญาหลังตรวจสอบอีเมลรอบใหม่
โดยปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งราคาทองคำจะเป็นบวกหาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ แต่จะเป็นลบหากนางฮิลลารี ชนะ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาเริ่มไม่ทำจุดสูงใหม่หลังปรับขึ้นมาต่อเนื่องก่อนย่อตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วัน ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มปรับลง ทำให้ราคามีแนวโน้มพักตัวลง แต่ไม่มากเนื่องจากแนวรับเส้น 10 วัน และแนวโน้มขึ้นในช่วงก่อนหน้ายังรองรับอยู่
สรุปแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในแนวโน้มลง
โดยมีแนวรับ 1,270/1,265 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้าน 1,305/1,310 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
