“คลัง” วางแผนเก็บรายได้เพิ่ม เล็งเก็บภาษีเพิ่มจากเจ้าของที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐ คาดปี 60 ได้ข้อสรุป พร้อมเตรียมเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม หวังปลุกจิตสำนึกประชาชนให้ช่วยกันดูแล
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการจัดเก็บรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการจัดเก็บภาษีจากส่วนต่างของราคาที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ทั้งการลงทุนถนน มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ สนามบิน หรือรถไฟต่างๆ รวมไปถึงโครงการลงทุนผ่านงบประมาณของรัฐวิสาหกิจด้วย
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีการเข้าไปจัดเก็บภาษีต่อเมื่อเจ้าของที่ดิน ซึ่งมีที่ดินสอดรับกับแผนการลงทุนของรัฐบาลมีการนำที่ดินมาหาผลประโยชน์ เช่น การขายเปลี่ยนมือ ทำให้ราคาที่ดินดังกล่าวมีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ โดยกระทรวงการคลังก็จะเข้าไปพิจารณาจัดเก็บภาษีจากส่วนต่างราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นว่า จะมีการกำหนดการจัดเก็บภาษีจากการได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า 1-5 กิโลเมตร ต้องมีการเสียภาษีจากส่วนต่างราคาขายที่ได้รับประโยชน์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดกรอบอย่างชัดเจน โดยคาดว่า ภายในปีงบประมาณ 2560 จะได้ข้อสรุปทั้งหมด
“ตอนนี้ยังเป็นเพียงการร่างรายละเอียดในเบื้องต้นเท่านั้นว่า กระทรวงการคลัง จะเข้าไปจัดเก็บภาษีจากส่วนต่างของราคาขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากราคาปกติ เนื่องจากได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐ เช่น เดิมราคาที่ดินก่อนมีการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า มีราคาอยู่ที่ 1 ล้านบาท แต่เมื่อรัฐบาลมีการลงทุนทำให้ราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวปรับเพิ่มเป็น 4 ล้านบาท เราก็จะเข้าไปเก็บภาษีตรงนี้”
นายสมชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีการพิจารณามานานแล้วว่า ควรจะต้องดำเนินการ ส่วนหนึ่ง เพราะเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น อาจทำให้มีการทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย โดยเบื้องต้นจะพิจารณาจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมออกมาเป็นประเภท เช่น ภาษีที่จัดเก็บจากการทำให้เกิดน้ำเสีย ภาษีที่จัดเก็บจากมลพิษทางอากาศ ภาษีที่จัดเก็บจากขยะ โดยทั้งหมดคงต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม แต่ต้องเป็นการจัดเก็บภาษีเพื่อประชาชนในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นในปีหน้า
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดประจำปีงบประมาณ 2559 (ตุลาคม 2558-กันยายน 2559) โดยระบุว่า รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลังทั้งสิ้น 2,411,525 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) การจัดเก็บภาษีน้ำมันที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และการรับรู้เงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรเป็นรายได้
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 2,807,373 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 390,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 มีจํานวนทั้งสิ้น 441,300 ล้านบาท
“ฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2559 ยังมีความเข้มแข็ง โดยมีระดับเงินคงคลังที่มากกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะต่อไป”