xs
xsm
sm
md
lg

“โฮมโปร” เผย 9 เดือนมีรายได้รวม 4.5 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.97

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“โฮมโปร” แจงแม้สภาพเศรษฐกิจไตรมาส 3 ยังขยายตัวอย่างช้าๆ กำลังซื้อในจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว ซ้ำเจอฝนตกหนักเฉลี่ยสูงขึ้น กระทบต่อการภาคก่อสร้าง และตบแต่งบ้านของลูกค้า แต่ผลการดำเนินงานยังดี จากแผนกระตุ้นยอดขาย เปิดสาขาเพิ่มในไทย และมาเลเซีย ส่งผลไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิเกือบ 1,000 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ทำได้ 14,808.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,053.58 ล้านบาท หรือ 7.66% ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 2,805.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.04% รับอานิสงส์รายได้รวม 45,055.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,085.32 ล้านบาท รายได้จากการขาย จำนวน 42,074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การเติบโตจากสาขาใหม่ รวมถึงยอดขายจากงาน “โฮมโปร แฟร์”

น.ส.วรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ-กลุ่มบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 3 เดือน และ 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ซึ่งได้รับการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จากสภาพเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวอย่างช้าๆ ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งในปีนี้อัตราการตกของฝนเฉลี่ยสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง การตบแต่ง และปรับปรุงบ้าน รวมถึงความสะดวกของลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมของโฮมโปร ชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการกระตุ้นยอดขายทั้งในรูปแบบการส่งเสริมการขาย และการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น การจัดงาน “โฮมโปร แฟร์” (HomePro Fair) ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายในไตรมาสที่ 3 ทางด้านธุรกิจเมกา โฮม ได้รับผลกระทบจากฤดูฝนเช่นกัน แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตในระดับที่น่าพอใจ

ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเปิดสาขาโฮมโปร 1 แห่ง ที่ “สาขาชลบุรี-บางเสร่” และเมกา โฮม 1 แห่ง ที่ “สาขาหาดใหญ่” ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 88 สาขา โดยแบ่งเป็นธุรกิจโฮมโปร 78 สาขา ธุรกิจเมกา โฮม 9 สาขา และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 1 สาขา ตามลาดับ

ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเติบโต และมีผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ ยังคงมีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาขาโฮมโปร 2 แห่ง เมกา โฮม 1-2 แห่ง และ โฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย อีก 1 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ในรูปแบบ “โฮมโปร ลิฟวิ่ง” (HomePro Living) ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกเรื่องสินค้าเกี่ยวกับบ้านให้กับลูกค้าได้หลากหลาย

สำหรับผลการดำเนินงานนั้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 จำนวน 948.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.70 ล้านบาท หรือ 18.15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลัก ดังนี้

1.รายได้รวม จำนวน 14,808.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,053.58 ล้านบาท หรือ 7.66% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากการขาย จำนวน 13,816.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 932.80 ล้านบาท หรือ 7.24% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของสาขาใหม่ของธุรกิจโฮมโปร และธุรกิจเมกา โฮม รวมถึงยอดขายจากการจัดงาน “โฮมโปร แฟร์” ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นครั้งแรก

รายได้ค่าเช่า และค่าบริการ จำนวน 424.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.38 ล้านบาท หรือ 23.34% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ โดยเฉพาะจากการขยาย และปรับปรุงของศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปร

รายได้อื่น จำนวน 567.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.40 ล้านบาท หรือ 7.67% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ “โฮม เซอร์วิส” (Home Service) จากลูกค้า

2.กำไรขั้นต้น จำนวน 3,509.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.30 ล้านบาท หรือ 5.20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจากปีก่อนที่ 25.89% มาอยู่ที่ 25.40% เป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮม ที่ต่ำกว่าโฮมโปร และส่วนผสมยอดขายของธุรกิจเมกา โฮม ที่มีสัดส่วนที่สูงขึ้น

3.ค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหาร จำนวน 3,168.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.60 ล้านบาท หรือ 3.75% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการให้บริการ “โฮม เซอร์วิส” ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการแก่ลูกค้า และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้บัตรเครดิตของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สัดส่วนต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.71% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 22.93% ทั้งนี้ เป็นผลของการบริหาร และควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

4.ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 131.70 ล้านบาท ลดลง 8.26 ล้านบาท หรือ 5.90% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกาหนด (Refinance) และมีการควบคุมอัตราหนีสิ้นที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

5.ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 252.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.04 ล้านบาท หรือ 19.96% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,805.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.70 ล้านบาท หรือ 19.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1.รายได้รวม จำนวน 45,055.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,085.32 ล้านบาท หรือ 9.97% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย

รายได้จากการขาย จำนวน 42,074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การเติบโตจากสาขาใหม่ของทั้งธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงยอดขายจากงาน “โฮมโปร แฟร์” ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นครั้งแรก

รายได้ค่าเช่า และบริการ จำนวน 1,254.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.97 ล้านบาท หรือ 21.38% จากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกตวิลเลจ โดยเฉพาะจากการขยาย และปรับปรุงของศูนย์การค้ามาร์เกตวิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2558 รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มติมของสาขาโฮมโปร

รายได้อื่น จำนวน 1,727.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66 ล้านบาท หรือ 13.74% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้การส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ “โฮม เซอร์วิส” จากลูกค้า

2.กำไรขั้นต้น จำนวน 10,636.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 739.73 ล้านบาท หรือ 7.47% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.76% เป็น 25.28% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮม ที่ต่ำกว่าโฮมโปร และมีสัดส่วนของยอดขายของธุรกิจเมกา โฮม ที่สูงขึ้น

3.ค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหาร จำนวน 9,695.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632.24 ล้านบาท หรือ 6.98% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ “โฮม เซอร์วิส” ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.59% เป็น 23.04% ซึ่งเป็นผลจากการบริหาร และควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

4.ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 380.21 ล้านบาท ลดลง 36.03 ล้านบาท หรือ 8.66% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (Refinance) และมีการควบคุมอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

5.ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 737.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.46 ล้านบาท หรือ 20.30% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น