เอ็มเพอร์เร่อร์ฯ ชี้รับสร้างบ้านครึ่งปีแรกหดตัว 5% ยันตลาด 50 ล้านบาทขึ้นไป ยังขยายตัวทั้งปีโต 5-10% ระบุเทรนด์ตลาดบ้านแพงปี 59 ตจว.มาแรง ลูกค้าสุโขทัย ทุบสถิติสร้างบ้านแพงสุด 300-400 ล้านบาท
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านระดับบนสูง กล่าวว่า ตลาดรวมรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีการหดตัวลงในทุกเซ็กเมนต์ มีเพียงตลาดบนระดับราคา 50 ล้านบาทขึ้นไปที่ยังขยายตัวดี โดยปีนี้ คาดว่าขยายตัวอยู่ที่ 5-10% ทั้งนี้ ตลาดรวมรับสร้างบ้านในปี 2559 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 54,200 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 57,000 ล้านบาท ประมาณ 5% โดยสัดส่วนตลาดรวมบ้านสร้างเองในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในสัดส่วน 20% หรือ 10,900 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน 14% หรือ 7,600 ล้านบาท และบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคม 6% หรือ 3,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทแบ่งสัดส่วนมูลค่าบ้านออกเป็น 6 เซ็กเมนต์ ประกอบด้วย บ้านระดับราคาตั้งแต่ 2-5 ล้านบาท คิดเป็น 25% หรือ 1,900 ล้านบาท บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 22% หรือ 1,675 ล้านบาท บ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาท คิดเป็น 17% หรือ 1,295 ล้านบาท บ้านระดับราคา 20-50 ล้านบาท คิดเป็น 19% หรือ 1,450 ล้านบาท ส่วนบ้านระดับราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้น คิดเป็น 9% หรือ 700 ล้านบาท
สำหรับตลาดรับสร้างบ้านระดับบนราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป มีการทำการตลาดแบบแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทยังเน้นจับกลุ่มลูกค้า MESTEEM เป็นวัยตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยมูลค่าตลาดในกลุ่มนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้ามีการวางแผนในการสร้างบ้าน และศึกษาเรื่องแบบบ้านเป็นอย่างดี เมื่อมีความพร้อมจึงตัดสินใจสร้างบ้าน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีงานที่สร้างอยู่ประมาณ 9-10 หลัง มูลค่าราว 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ 60% และลูกค้าในต่างจังหวัด 40% ถึงแม้ว่าลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนที่น้อยกว่าในกรุงเทพฯ แต่มูลค่างานก่อสร้างกลับมีมูลค่าที่สูงกว่าในกรุงเทพฯ และเทรนด์ตลาดในปีนี้ตลาดในต่างจังหวัดถือว่ามาแรงมาก โดยล่าสุด มีลูกค้าในจังหวัดสุโขทัย สร้างบ้านพร้อมตกแต่ง ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 350-400 ล้านบาท นับว่าการรับสร้างที่มีราคาสูงที่สุดที่เอ็มเพอเร่อร์ สร้างมา
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้วางเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากสร้างบ้าน 60% และรายได้จากงานตกแต่ง 40% ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่ายอดขายจะโตกว่าปีที่ผ่านมา 5-10% โดยปีที่แล้วมียอดขาย 380 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่ได้วางไว้