สำนักงาน ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “ออลล่า” เสนอขายไอพีโอ 150 ล้านหุ้น ลงกระดานเทรด SET เตรียมแถลงความพร้อม กางแผนลุยเดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลนักลงทุน ทั่วประเทศ
นายธวัชชัย วรวรรณธนะชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า หลังจากที่ “ออลล่า” ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO และได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งของ บมจ.ออลล่า ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2559 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยปัจจุบัน ALLA มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 450 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมถึงบริษัทมีบริษัทย่อย 1 บริษัท คือ บริษัท ออนวัลล่า จำกัด โดยบริษัทถือหุ้นในบริษัทย่อยคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระแล้ว
“วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อจะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท โดยจะทำการก่อสร้างคลังสินค้าของบริษัทย่อย และโรงงานของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงขยายกิจการโดยการจัดตั้งบริษัทร่วมในประเทศอินโดนีเซีย อีกด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างวางแผนสำหรับการเดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน หรือโรดโชว์ โดยมีเป้าหมายพบ และให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั่วประเทศ โดยเชื่อว่า ALLA จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการเป็นผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครน และรอกไฟฟ้า และอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต และที่สำคัญทีมผู้บริหารล้วนแล้วแต่มีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ ALLA มีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2556-2558 มีดังนี้ รายได้จากการขาย และบริการรวมปี 2556 จำนวน 924.10 ล้านบาท กำไรสุทธิ 189.90 ล้านบาท ส่วนปี 2557 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 1,065.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 173.00 ล้านบาท ส่วนปี 2558 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 870.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 100.62 ล้านบาทในขณะที่รายได้จากการขาย และบริการรวมของช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 อยู่ที่ 292.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.89 ล้านบาท
นายองอาจ ปัณฑุยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครน และรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) และเป็นผู้นำเข้า และจำหน่าย พร้อมติดตั้ง สะพานปรับระดับ (Loading Dock Leveler) ประตูอุตสาหกรรม (Industrial Door) ม่านริ้วพีวีซี (PVC Strip Curtain) และม่านตัดอากาศ (Air Curtain) รวมถึงการให้บริการหลังการขาย เช่น งานซ่อม งานเปลี่ยนอะไหล่ งานบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และบริการศูนย์ฝึกอบรมผู้ใช้เครน โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบเครน และรอกไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ STAHL และ ABUS แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยมีกลุ่มลูกค้าในธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า และธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
“เรามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 24 ปี โดยหลังจากนี้การทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินจะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเรามีความมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รวมถึงการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินที่เป็นมืออาชีพทำให้กระบวนการต่างๆ เดินหน้าไปตามขั้นตอนที่กำหนด” นายองอาจ กล่าว
นายธวัชชัย วรวรรณธนะชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า หลังจากที่ “ออลล่า” ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO และได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งของ บมจ.ออลล่า ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2559 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยปัจจุบัน ALLA มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 450 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมถึงบริษัทมีบริษัทย่อย 1 บริษัท คือ บริษัท ออนวัลล่า จำกัด โดยบริษัทถือหุ้นในบริษัทย่อยคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระแล้ว
“วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อจะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท โดยจะทำการก่อสร้างคลังสินค้าของบริษัทย่อย และโรงงานของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงขยายกิจการโดยการจัดตั้งบริษัทร่วมในประเทศอินโดนีเซีย อีกด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างวางแผนสำหรับการเดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน หรือโรดโชว์ โดยมีเป้าหมายพบ และให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั่วประเทศ โดยเชื่อว่า ALLA จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการเป็นผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครน และรอกไฟฟ้า และอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต และที่สำคัญทีมผู้บริหารล้วนแล้วแต่มีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ ALLA มีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2556-2558 มีดังนี้ รายได้จากการขาย และบริการรวมปี 2556 จำนวน 924.10 ล้านบาท กำไรสุทธิ 189.90 ล้านบาท ส่วนปี 2557 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 1,065.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 173.00 ล้านบาท ส่วนปี 2558 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 870.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 100.62 ล้านบาทในขณะที่รายได้จากการขาย และบริการรวมของช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 อยู่ที่ 292.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.89 ล้านบาท
นายองอาจ ปัณฑุยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครน และรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) และเป็นผู้นำเข้า และจำหน่าย พร้อมติดตั้ง สะพานปรับระดับ (Loading Dock Leveler) ประตูอุตสาหกรรม (Industrial Door) ม่านริ้วพีวีซี (PVC Strip Curtain) และม่านตัดอากาศ (Air Curtain) รวมถึงการให้บริการหลังการขาย เช่น งานซ่อม งานเปลี่ยนอะไหล่ งานบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และบริการศูนย์ฝึกอบรมผู้ใช้เครน โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบเครน และรอกไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ STAHL และ ABUS แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยมีกลุ่มลูกค้าในธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า และธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
“เรามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 24 ปี โดยหลังจากนี้การทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินจะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเรามีความมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รวมถึงการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินที่เป็นมืออาชีพทำให้กระบวนการต่างๆ เดินหน้าไปตามขั้นตอนที่กำหนด” นายองอาจ กล่าว