บอร์ด “สิงห์ เอสเตท” ให้ลงทุนใน ไดอิ กรุ๊ป ด้วยการซื้อหุ้น 678,999,969 หุ้น พาร์ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 5 บาท รวมมูลค่า 3,395 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่า 55.63% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของ DAII วางแผนแบ่งขอบข่ายธุรกิจชัดเจน ลดการแข่งขันกันทางธุรกิจ
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ว่า ได้มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ DAII ด้วยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไดอิจำนวนไม่เกิน 678,999,969 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็นไม่น้อยกว่า 55.63% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของ DAII รวมมูลค่ารายการได้มาไม่เกิน 3,395 ล้านบาท
โดยบริษัทจะจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ เนอวานา ที่บริษัทฯ ถืออยู่ทั้งหมด 4,481,717 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 51% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของเนอวานา มูลค่ารายการไม่เกิน 2,142 ล้านบาท และที่ดิน 2 แปลง มูลค่ารายการ 1,253 ล้านบาท รวมมูลค่ารายการจำหน่ายไปไม่เกิน 3,395 ล้านบาท ให้แก่ DAII เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพิ่มทุนของ DAII ในลักษณะการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
ทั้งนี้ ในบันทึกข้อตกลง บริษัท ดีคอร์ป กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไดอิ ตกลงว่า จะไม่จำหน่ายจ่ายโอนหุ้นที่เหลือในไดอิ ออกไปเป็นเวลา 30 เดือน ภายหลังการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการลงทุนในไดอิ ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเหลือหุ้นอยู่ 2.74% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของ DAII เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจของ DAII ในช่วงเริ่มต้นที่บริษัทฯ เข้าลงทุน
เนื่องจากหลังการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว จะทำให้ S ถือหุ้นใน DAII จำนวนไม่เกิน 678,999,969 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นไม่น้อยกว่า 55.63% กำหนดให้มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ DAII ตามหลักเกณฑ์ของการได้หุ้นของกิจการจนถึง หรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Mandatory Tender Offer : MTO) จำนวนทั้งหมดไม่เกิน 541,600,015 หุ้น ในราคาเสนอซื้อ เป็นไปตามเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทนกรณีของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามที่กำหนดในประกาศเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ รวมมูลค่ารายการไม่เกิน 2,708,000,075 บาท
และภายหลังจากการเข้าทำรายการ บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มเพื่อแบ่งแยกขอบข่ายกัน เพื่อป้องกันประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ดังนี้ โดย S จะดำเนินธุรกิจ 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับ Luxury และระดับ Super Luxury, ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ส่วน DAII จะดำเนินธุรกิจ 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับต่ำกว่า Luxury และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะไม่แข่งขันกันในการจัดซื้อที่ดิน
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ว่า ได้มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ DAII ด้วยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไดอิจำนวนไม่เกิน 678,999,969 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็นไม่น้อยกว่า 55.63% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของ DAII รวมมูลค่ารายการได้มาไม่เกิน 3,395 ล้านบาท
โดยบริษัทจะจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ เนอวานา ที่บริษัทฯ ถืออยู่ทั้งหมด 4,481,717 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 51% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของเนอวานา มูลค่ารายการไม่เกิน 2,142 ล้านบาท และที่ดิน 2 แปลง มูลค่ารายการ 1,253 ล้านบาท รวมมูลค่ารายการจำหน่ายไปไม่เกิน 3,395 ล้านบาท ให้แก่ DAII เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพิ่มทุนของ DAII ในลักษณะการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
ทั้งนี้ ในบันทึกข้อตกลง บริษัท ดีคอร์ป กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไดอิ ตกลงว่า จะไม่จำหน่ายจ่ายโอนหุ้นที่เหลือในไดอิ ออกไปเป็นเวลา 30 เดือน ภายหลังการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการลงทุนในไดอิ ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเหลือหุ้นอยู่ 2.74% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมดของ DAII เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจของ DAII ในช่วงเริ่มต้นที่บริษัทฯ เข้าลงทุน
เนื่องจากหลังการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว จะทำให้ S ถือหุ้นใน DAII จำนวนไม่เกิน 678,999,969 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นไม่น้อยกว่า 55.63% กำหนดให้มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ DAII ตามหลักเกณฑ์ของการได้หุ้นของกิจการจนถึง หรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Mandatory Tender Offer : MTO) จำนวนทั้งหมดไม่เกิน 541,600,015 หุ้น ในราคาเสนอซื้อ เป็นไปตามเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทนกรณีของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตามที่กำหนดในประกาศเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ รวมมูลค่ารายการไม่เกิน 2,708,000,075 บาท
และภายหลังจากการเข้าทำรายการ บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มเพื่อแบ่งแยกขอบข่ายกัน เพื่อป้องกันประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ดังนี้ โดย S จะดำเนินธุรกิจ 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับ Luxury และระดับ Super Luxury, ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ส่วน DAII จะดำเนินธุรกิจ 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับต่ำกว่า Luxury และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะไม่แข่งขันกันในการจัดซื้อที่ดิน